ดาซินซีนี้มักซ่อนรหัสลับ ลูกเล่น ในภาพของเขาจริงๆ นะครับ หลายภาพของเขาล้วนมีปริศนาที่น่าสนใจ น่าค้นคว้าทั้งสิ้น
หนึ่งในนั้นคือ เดอะลาสต์ ซัปเปอร์ (the Last Supper?)
ผมคงไม่เล่าเหตุการณ์พระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย(The Last Supper) นะครับ เพราะหลายๆ คนคงรู้แล้ว  
เดอะลาสต์ ซัปเปอร์ คือภาพเขียนบนฝาผนังซึ่งถ่ายทอดเหตุการณ์ อาหารค่ำมื้อสุดท้าย ที่พระเยซูได้ร่วมโต๊ะกับสาวกทั้ง 12 คนก่อนที่จะถูกตรึงไม้กางเขน ลีโอนาโด วาดภาพนี้ ในปี 1495 และใช้เวลาถึง 3 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์(แน่นอนมันเลยกำหนดวันที่ลูกค้าสั่ง)
ข้อสังเกตของภาพนี้คือ สาวกแต่ละคนล้วนมีท่าทางที่ไม่ปกติ บางคนดูประหลาดใจ บางคนตื่นตระหนก บางคนสงสัย บางคนสนใจ จะมีก็แต่ สาวกที่ชื่อ “จูดาส” ที่อยู่ในเงามืดและมีท่าทีสับสน ซึ่งสอดคล้องกับที่พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเยซูทรงทำนายว่าสาวกคนหนึ่งของพระองค์จะทรยศพระองค์ และสาวกคนนั้นก็คือ จูดาสนั่นเอง
ก่อนหน้านั้น เคยมีจิตรกรวาดภาพ อาหารค่ำมื้อสุดท้ายเอาไว้มากมาย แต่มักใส่อภินิหารเข้าไปในภาพ ที่พบเห็นกันมากที่สุดคือ การวาดรัศมีที่ศรีษะของทุกคนในภาพ ยกเว้น จูดาส แต่ของลีโอนาโด เน้นที่ความสมจริง และแฝงการสื่อความหมายลงในภาพอย่าแยบยล จึงได้รับการยกย่องเป็นผลงานชิ้นเอกของโลกศิลปะ
นอกจากนี้องค์ประกอบที่ช่วยให้ภาพนี้มีคุณค่าต่อโลกศิลปะคือ แสดงการจัดวางองค์ประกอบภาพของดาวินชี่ว่าตรงกับหลักปัจจุบันเป็นอย่างดีจะเห็นว่า ตรงกลางซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุด พระเยซูจะผายมือออกทั้ง 2 ข้างเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าพอดี โดยมีโต๊ะยาวตลอดภาพเป็นเส้นแนวนอน
โครงสร้างอาคารกระจายออกจากกึ่งกลางภาพเป็นเส้นรัสมี ช่วยนำสายตาสู่จุดศูนย์กลางคือพระเยซู ซึ่งดาวินชี่จงใจใช้สีเสื้อผ้าโดดเด่นจากคนอื่นทั้งหมด
ในองค์ประกอบใหญ่ยังมีองค์ประกอบย่อย โดยจัดสานุศิษย์เป็นกลุ่มละ 3 คนจัดวางในโครงกรอบ 3 เหลี่ยมรวมทั้งหมด 4 กลุ่ม มีการกำหนดท่าทางแต่ละคนไม่ซ้ำกันแต่มีทิศทางของเส้นสายร่างกายในแต่ละกลุ่มที่มุ่งสู่ศูนย์กลางของภาพคือพระเยซูเช่นเดียวกัน
ข้อมูลสำคัญอันหนึ่งเกี่ยวกับภาพนี้ ที่ทำให้เราเข้าใจประเด็นที่อาจจะตะหงิดๆในใจคนที่เคยเห็นภาพนี้ที่ว่า ทำไมภาพนี้มันไม่ชัดและขมุกขมัวแบบนี้ เป็นความจริงที่ว่า ภาพนี้นั้น เริ่มเสียหายตั้งแต่ลีโอนาร์โดยังมีชีวิตอยู่ เพราะเขาดันใช้สีน้ำมัน วาดผนังแทนสีน้ำ ซึ่งตอนนั้นลีโอนาร์โดคิดจะลองเทคนิคใหม่ที่แตกต่างออกไป เขาจึงทาด่างอ่อนๆ ไว้บนกำแพงหินและใช้สีที่ผสมไข่เพื่อระบายทับบนนั้น เพียงไม่กี่ปีหลังจากที่ภาพกำแพงนี้เสร็จสมบูรณ์ สีในภาพก็เริ่มที่จะจางลงและหลุดเป็นเกล็ดออกมา
ดังนั้นกว่าจะถึงสมัยเรา ภาพนี้จึงมีสภาพเสียหายบนพื้นผิวหน้ากว่า50% และซีดจางเหมือนอยู่ในม่านหมอก ต่างกับภาพ Last Judgement ของ ไมเคิ้ล แองเจโล่ ที่วาดบนผนังโบสถ์ซิสตินในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ภาพยังสวยสดคมชัดจนทุกวันนี้
แน่นอนครับมันจึงกลายเป็นปัญหาต่อผู้เชี่ยวชาญศิลปะต่อมา พวกเขาต้องหาวิธีหลายๆ อย่างในการรักษาภาพนี้เอาไว้ เพื่อไม่ให้เลือนหายตามกาลเวลา(แน่นอนถ้าเกิดคนหายไปหมดโลก รูปนี้เสียหายหายแน่นอน)
ส่วนบุคคลในภาพเดอะลาสต์ ซัปเปอร์ของดาวินซีใครเป็นใครบ้าง ก็ได้ข้อมูลจากบันทึกของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี่ ถึงว่าใครเป็นใคร


(ดูรูปภาพประกอบ)
·       บาร์โธโลมิว
·       เจมส์ เธอะ เลสส์
·       แอนดรูว์
·       จูดาส์(คนทรยศ)
·       ปีเตอร์
·       จอห์น
·       พระเยซู
·       เจมส์ ดิ เอลเดอณ์
·       โธมัส
·       ฟิลิป
·       เมทธิว
·       แธ็ดดีอุส
·       ไซมอน
จะเห็นได้ว่า ลีโอนาร์โด วาดภาพนี้โดยเจาะจงวางตำแหน่งบุคคลแต่ละคนตามข้อมูลในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอย่างชัดเจน เพราะเขาเลือกให้นักบุญยอห์น(John) และยากอบ(James)นั่งข้างพระเยซู ที่น่าสังเกต สาวกคนที่นั่งทางขวามือของพระเยซู คนที่ชื่อฟิลิป เขายืนขึ้นใช้มือสองมือทำท่าทำทางเหมือนว่าสาวกที่พระเยซูกล่าวมาคือเขาหรือเปล่า ซึ่งรูปร่างและหน้าเหมือนเป็นผู้หญิง (และคนซ้ายก็เช่นกันที่รูปร่างเหมือนผู้หญิงไม่มีผิด)


               ทางด้านหลังของ เปโตรมีมือ ที่ถือมีดอยู่ ถ้าดูจากในภาพแล้ว มือนั้นไม่ทราบว่าเป็นมือของใคร แต่บางเล่มบอกว่าเป็นมือของเปโตร
ที่สำคัญหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในภาพมีภาพของมือ ถือกริช อยู่หนึ่งมือ แต่เมื่อลองนับแขนทั้งหมดจนครบ จะเห็นว่ามือนั้น ไม่ได้เป็นของใครเลย ไม่ได้ติดกับร่างของใครในรูป และไม่มีตัวตน !!!
ทั้งๆ ที่สมัยก่อนนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่ดาวินซี ก็ซ่อนรหัสลับไว้ในภาพด้วยครับ ความจริงในภาพเดอะลาสต์ ซัปเปอร์มีบุคคลซ่อนอยู่อีก 3 คนนอกเหนือจาก 13 คน ซึ่งหลายคนไม่สามารถสังเกตแน่ถ้าไม่ใช้คอมหรือการสำเนาช่วย  โดยสิ่งที่ได้คือ.....





4. ผลปรากฏว่ามีภาพชาย 3 คนลึกลับปรากฏ ตรงภาพ คนหนึ่งด้านซ้ายสุดใส่เสื้อสีเขียว(แดง)ท่าทางเหมือนสนใจ คนที่สองเป็นเด็กทารกที่อยู่บนอกของฟิลิปค นที่ 3 ด้านขวาก็เหมือนชายคนแรกไม่มีผิด


ปัจจุบัน ภาพนี้ประดับอยู่บนผนังของวิหารซานตามาเรียเดลเลกราซี (Santa Maria delle Grazie) ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ใครสนใจก็ไปดูได้ และรหัสภาพนี้ก็ยังไม่หมด แต่ข้อมูลที่ผมนำมามีแค่ส่วนนี้เท่านั้นนะครับ ขอจบแต่เพียงเท่านี้

เครดิต:http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=486572&chapter=15
 

   

ทุกภาพของเขา มันเป็นอะไรที่ไม่สามารถอธิบายได้อีกแล้ว

สำหรับภาพของเค้านั้น ไม่ว่าภาพไหน ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบายถึงจะเข้าใจ

ความแม่นยำในการวางตำแหน่งภาพ นับถือจริงๆๆในถานะคนที่ชอบเสพงานศิลปะคนนึง