บทที่ 1 เปิดตำนาน
ณ ดินแดน Acronia
แบ่งเผ่าพันธ์ออกเป็น 7 เผ่าพันธ์
มนุษย์เผ่าพันธ์ที่มีความสามัคคีมีความ สามารถความทะเยอทะยานสูง แต่กลับเป็นเผ่าพันธ์ที่ให้ความโลภและความโกรธเข้าสิงสู่ได้ง่าย
เผ่า พันธ์เทพเผ่าพันธ์ที่นับถือเรื่องพลังแห่งแสงสว่าง
พวกเขาเป็นผู้นำศาสนา แห่งลัทธิแห่งแสง โดยเผ่าพันธ์เทพทุกตน จะมีปีกแห่งแสง พวกเขาทุกคนล้วนต้องมีธาตุแสงอยู่ในตัว
เผ่าพันธ์เอลฟ์และดาร์กเอลฟ์ เป็นเผ่าพันธ์ที่คู่ขนานกันก็ว่าได้ ทั้งสองเผ่าพันธ์จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบ มีลักษณะเด่นที่ใบหูยาวกว่าปกติ เส้นผมของเอลฟ์และดาร์กเอลฟ์ จะยาวสลวย
แต่เผ่าพันธ์เอลฟ์จะมีเส้นผมสี ทอง ตาสีน้ำเงิน ส่วนดาร์กเอลฟ์จะมีผมและดวงตาสีดำ
เผ่าพันธ์ก็อบบลินเผ่าพันธ์ที่นำเอโครเนียก้าวสู่เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเป็นเผ่าพันธ์ที่ฉลาดมีความสามารถทางการเครื่องจักรสูง
เผ่าพันธ์ออร์คศัตรูคู่ฉกาจของเอลฟ์และดาร์กเอลฟ์ มีพละกำลังทำลายล้างสูง แต่สติปัญญานั้นล้าหลังมาก
เผ่าพันธ์สัตว์อสูร เผ่าพันธ์ที่ประชากรทั้งหมดเป็นสัตว์อสูรหมด
เผ่าพันธ์ปิศาจ เผ่าพันธ์ที่มีความสามารถทางมนต์ดำสูง มีพลังธาตุมืดมาก และจะมีจุดเด่น ที่เขาปิศาจบนหัวและปีกที่คล้ายกับค้างคาว
และสุดท้ายเผ่าพันธ์ที่ ถูกลืม คือเผ่าพันธ์ที่มีความสามารถพิเศษที่สุดแต่กลับถูกทำลายล้างเผ่าพันธ์ไป
และ ไลฟ์สตรีม แม่น้ำแห่งชีวิตที่จะนำพา ทุกชีวิต ที่สิ้นชีพแล้ว ได้เกิดใหม่ โดยทุกชีวิตที่เกิดมา จะถูกเก็บความทรงจำครั้งอดีตไว้ในจิตใต้สำนึกลึกๆ ถ้ามีผู้ใดที่พลังแก่กล้าจะสามารถจำอดีตครั้งเมื่อก่อนตายครั้งที่แล้วได้ มีเพียงแค่ เจเดอร์ สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากบาปของคนบนโลกรวมตัวกัน ที่ไม่มีวันที่จะได้เข้าสู่ไลฟ์สตรีมและเกิดใหม่ เมื่อพวกเขาตาย ก็จำต้องติดอยู่ในโลกแห่งความว่างเปล่า ตลอดไป
ณ เทือกเขาสูงในทวีปโอโครเทียร์ ซึ่งเป็นทวีปรกร้าง ได้มีเด็กชายสองคนยืนอยู่บนยอดเทือกเขาที่มีหมอกหนาคะคุ้ง ทั้งสองยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ประตูบานใหญ่ที่ข้างหลังประตูไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากหุบเหวที่เวิ้งว้าง
"ที่นี้ซินะ คือประตูเข้าสู่ ฟรอนเทเชีย"เด็กชายคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตา กับเส้นผม สีขาว ดูแล้วมันช่างไปไม่ค่อยได้จริงๆ แต่ที่หน้าแปลกคือเขามีใบหูที่เหมือนกับหนูเขามองไปยังประตูสีขาวสีขาวโพลน บานใหญ่ ที่จริงเขาก็ไม่อยากมาที่นี่มากนัก แต่เพราะจดหมายเชิญให้เข้าโรงเรียนฟรอนเทเชีย โรงเรียนของเหล่าผู้มีพลังเวทย์และพลังวิญญาณ ซึ่งตัวเขาก็มีพลังนั่นซะด้วย แต่ไม่นึกเลยว่าประตูทางเข้าจะกันดารแบบนี้ ซ้ำยังต้องเจอกับเรื่อง เพี้ยนๆ ระหว่างทางอีก
"อืม จดหมายบอกว่าที่นี้แหละ เอานี้ กุญแจ"เด็กชายร่างสูงกว่าเด็กคนเมื่อกี้กล่าว เขามีเส้นผมสีม่วงเข้ม ดวงตาสีแดงข้างหนึ่ง และ น้ำเงินข้างหนึ่งดูแล้วทำให้รู้สึกน่ากลัวอย่างประหลาดและเขาก็มีลักษณะอีก อย่างคล้ายๆกับเพื่อนร่วมทางคือ มีใบหูเช่นหมาป่าและมีหางฟูฟ่องเหมือนหมาป่า
"ขอบใจ"เด็กชายผมขาวรับกุญแจมาไขรูกุญแจที่อยู่ด้านหน้า ทันใดนั้นประตูพลันเปิดออกอย่างช้าๆมีแสงสีขาวลอดออกมาจากประตูทีละน้อย แสง สว่างตามากจนทั้งสองต้องปิดตา ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับโรงเรียนที่เป็นตำนานว่าจะหน้าตาเป็น ยังไง จนประตูเปิดออกจนสุด และสิ่งที่ปรากฎตรงหน้าเป็นสิ่งที่ เหลือเชื่อที่ อีกด้านของประตูเป็นดินแดนทุ่งเขียวขจี มีเมืองขนาดใหญ่ตั้ง ตระหง่านกลางทุ่งหญ้า ป้ายประตูเมืองเขียน 'มหาวิทยาลัยฟรอนเทเชีย' ทั้งๆที่ด้านที่ทั้งสองอยู่เต็มไปด้วยหิมะและหิมะ เหมือนกับประตูนี่เป็นประตูมิติยังไงยังงั้น ทั้งสองเดินเข้าไปอีกด้านนึงของประตู พวกเขาไปยังเมืองแห่งนั่น แต่ไม่ทันไรรูปปั้นด้านหน้าก็พลันมีชีวิตขึ้น และกล่าวกับเด็กทั้งสอง
"พวกเจ้ามาทำอะไร"รูปปั้นชี้หอกเลเซอร์ใส่เด็กทั้งสอง ทั้งคู่ต่างตะลึงงันกับการที่รูปปั้นมีชีวิต รูปปั้นนั่นเมื่อไม่เห็นทั้งสองตอบกลับก็ถามย้ำเสียงดัง
"พวกเจ้ามาทำอะไรกันแน่"คราวนี้เด็กชายผมสีขาวก็ได้สติและตอบกลับไปว่า
"พวกเราคือผู้ที่มีสิทธิ์เข้าสอบครับ"พร้อมยื่นจดหมายให้กับรูปปั้นมี ชีวิต ถ้าเกิดว่าเขาไม่ตอบอีกหละก็ไม่แน่อาจได้ลิ้มลองหอกเลเซอร์เป็น แน่ รูปปั้นหินอ่านข้อความหน้าจดหมายพลันก็เปลี่ยนท่าทีฉับพลัน
"ขออภัยครับ เชิญเข้าไปข้างในได้เลย"
ทั้งสองเดินตรงไปยัง ปราสาทที่อยู่ตรงกลางบนปราสาทมีรูปปั้นปิศาจตัวใหญ่โก่งคอ
คำราม และมีรูปปั้นนักล่าล้อมรอบถืออาวุธครบมือ บริเวณในโรงเรียนนั่นผู้คนมากมาย เดินกันขวักไขว่เต็มไปหมด แต่ที่หน้าแปลกคือ ทุกคนจะใส่ชุดสีดำมีเพียงบางคนเท่านั่นที่ใส่ชุดสีอื่น สงสัยว่านี่คงจะมีงานศพใครแน่ๆเลย รึว่าจะเป็นการไว้อาลัยให้พวกเขา เพราะแต่ละคนมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาไม่สู้ดีทั้งนั้น
ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปในหอคอยสีขาวตรงหน้ากลับมี คนมาขวางพวกเขาเอาไว้
"ขอดูจดหมายหน่อย"ทั้งสองงุนงงเล็กน้อย คนตรงหน้าพวกเขาเป็นใครกันแน่ แต่ก็ยื่นจดหมายเชิญให้พวกเขาไป คนผู้นั่นรับจดหมายขึ้นมาอ่าน หลังจากอ่านจบพวกเขาชายตามองเด็กทั้งสอง พร้อมกล่าวว่า
"ซายะ และ ซาซาริ เผ่า Neo ? อายุ 12 ปี เด็กวัยละอ่อนจะริเข้าโรงเรียนนี้รึ"ชายผู้นั้นกล่าวแล้วมองเด็กทั้งสองด้วย สายตาดูแคลน
"ยังก็เถอะ รีบไปหาท่านผอ.กันดีกว่า"ชายผู้นั้นดีดนิ้วเพียงเปาะ เดียวร่างของเด็กทั้งสองก็รู้สึกกระตุกวูบมีอาการคลื่นไส้เล็กน้อยสมอง เหมือนชาชั่วขณะ และก็มาหยุดกึก เหมือนกับเล่นรถไฟเหาะตีลังกาเป็นสิบๆรอบ สมองของพวกเขาหมุนติ้วเป็นวงล้อร่างกายก็ดูเหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรงแถมอยู่ ดีๆก็ถูกหยุดอย่างกะทันหันอย่างนี้ ใครจะไปเตรียมตัวทันเล่า ทั้งสองมาอยู่ที่ห้อง ห้องหนึ่งมีสีขาวโพลนทั้งห้อง มีชายชราแก่ๆยืนดูห้องขาวโพลนนั้นเหมือนกับว่ากำลังชม ภาพวาดศิลปะที่สวยสดงดงามอยู่กระนั้น
"มาแล้วรึ?"น้ำเสียงอันแหบพร่าของชายชรา แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
"ครับ"คนที่พาเด็กทั้งสองมายังที่นี่กล่าว เขาเคารพชายชราผู้นั่นให้ทีนึง ชายชราโบกมือเล็กน้อย
"งั้นเธอออกไปก่อนนะนาคาร์"ชายชรากล่าว กับคนที่พาพวกเขามาที่นี่ด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเต็มทีเขาทำความเคารพชายชรา อีกครั้ง แล้วก็หายตัวไป
"ซายะ ซาซาริสินะ"ชายผู้นั่นหันกลับมามองเด็กทั้งสอง
"ครับ"
"พวก เธอโชคดีมากนะที่ได้รับเชิญให้เข้าโรงเรียนนี้ตั้งแต่ยังเล็ก"ชายผู้นั่น ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วเขาก็นั่งลง นั่งลงกลางอากาศธาตุ เหมือนกับว่ามีเก้าอี้อยู่ตรงนั่น เด็กทั้งสองมองดูด้วยสายตาฉงนตั้งแต่เกิดมาพวกเขายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้มา ก่อนเลย เกิดมาก็อยู่กับป่า หรือนี่คือเวทมนต์
"ฉันขอถามหน่อย พวกเธอต้องการเข้าโรงเรียนนี้มากไหม"เขามองเด็กทั้งสองด้วยสายตาอ่านยาก
"ครับ"
"ถ้าเกิดมันถึงชีวิตหละ"
"ครับ"ชายชรามองดูเด็กทั้งสองอย่าง ชื่นชม
"งั้นคงไม่ต้องมีอะไรมากนักนะ"ชายชราผู้นั่นยกมือขึ้นมาทำท่าจะดีดนิ้ว
...ไม่นะต้องเล่นรถไฟเหาะตีลังกาอีกแล้ว...
เปาะ!