GAMEINDY: Asura Online
หน้า: [1]
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012  (อ่าน 667 ครั้ง)
~ปลื้มซ่า บ้าลมตด~
Sr. Member
****
กระทู้: 1,219

ชอบสีเขียว


อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« เมื่อ: 13-04-2010, 18:50:37 »

ปฏิทินมายา
ชาวมายาคือใคร และอยู่ตรงไหน ?

อาณาจักรมายา ตั้งอยู่ในอเมริกากลาง มีพื้นที่บริเวณประเทศเม็กซิโกคาบเกี่ยวกับเบลีซและกัวเตมาลา มีความรุ่งเรืองช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง ค.ศ. 1502 มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่นครวากา ปัจจุบันคือ เอลเปรู มีอายุร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมเตโอตีอัวกาน (Teotihuacán) ซึ่งถือว่าเป็นอาณาจักรที่ใหญ่มากเพราะมีพื้นที่กินถึง  ประเทศคือเม็กซิโก กัวเตมาลา และฮอนดูรัส
 
ตามประวัติ อาณาจักรแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองไพศาลมาก มีอายุยาวนานนับได้ 2000ปี ตั้งแต่คริสต์ศักราช 250 อาณาจักรแห่งนี้มีซากสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตน่าทึ่งที่สุด ไว้เป็นมรดกโลก และฝากปริศนาให้คนรุ่นหลังขบคิดกันว่าเกิดจากสาเหตุใด
 
อาณาจักรมายาเป็นอาณาจักรแสนยิ่งใหญ่ที่ประกอบด้วยเมืองเอกหลายเมืองด้วยกันมีเมืองสำคัญหลายเมือง คือ เมืองติกัล (Tikal) เพเตน (Peten) ในประเทศกัวเตมาลา ปาเลงกอ (Palenque) ในภาคใต้ของประเทศเม็กซิโก เมืองโคปัน (Copan) ในประเทศฮอนดูรัส เมือง อิทซา (Itzar) อักซ์มัล (Uxmal) และมายาปัน (mayapan) ในบริเวณคาบสมุทรยูคาตัน เมืองของชาวมายาประกอบด้วยชุมชนเกษตรอยู่ชั้นนอก ชุมชนเมืองอยู่ชั้นในล้อมรอบจุดศูนย์กลางซึ่งเป็นบริเวณสิ่งก่อสร้างที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งก่อสร้างนั้นมีหลายแบบ เช่น ปิรามิด วิหาร ปละปราสาทราชวัง ซึ่งสร้างจากศิลาล้วนๆ บ่บอกความเจริญรุ่งเรืองของชาวมายาอย่างดี
 
ในระหว่างปี พ.ศ. 800-1450 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยุโรปกำลังตกอยู่ในยุคมืดแห่งอวิชชา แต่สำหรับชาวมายานั้น ตามประวัติศาสตร์ได้จารึกว่า ในระยะเวลาดังกล่าว อารยธรรมมายาได้เจริญรุ่งเรืองสุดขีดมากๆได้สร้างพีระมิดและพระราชวังที่มโหฬารและวิจิตรอลังการมากมาย

ชาวมายามาจากไหนแน่

นักโบราณคดีหลายคน ต่างพยายามศึกษาความเป็นมาของเผ่านี้ จากหลักฐานโบราณคดีที่เหลืออยู่ แต่ก็สับสนอยู่ดีว่าพวกเขามาจากไหนกันแน่
 
มีศิลาจารึกขนาดใหญ่ ที่เขียนข้อความอย่างละเอียดเต็มไปหมด ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง ซึ่งแสดงว่าชาวมายามีภาษาเป็นของตนเองและชอบบันทึกประวัติศาสตร์ แต่..น่าเสียดาย ในข้อความศิลาจารึกนั้นกลับไม่มีใครสักคนที่อ่านออก ตีความได้สักคนเดียว
 
สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับมายา สันนิษฐานว่า ชาวมายาอาจสืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล ไม่ก็กรุงทรอย คาร์เธจ ฮั่น แอตแลนติส ฯลฯปกครองด้วยระบบกษัตริย์ เรียกว่า คูฮุลอะฮอว์ (K'uhul ajaw) หรือ เทวกษัตริย์ ใช้อักษรภาพในการบันทึก มีความสามารถทางดาราศาสตร์ จนสามารถทำนายเวลาเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคาได้ล่วงหน้าเป็นเวลานาน รู้จักทำปฏิทินใช้ รู้จักประดิษฐ์เลขศูนย์ใช้ในวิชาคณิตศาสตร์ รู้จักค้าขายเกลือ หยก และเครื่องปั้นดินเผา แต่ชาวมายาไม่รู้จักใช้ล้อและไม่รู้จักการถลุงแร่ ซึ่งแสดงว่าชาวมายาดำรงชีวิตเหมือนมนุษย์หินที่รู้จักใช้เพียงไม้ กระดูกสัตว์ หินปูน และหินทรายในการสร้างเมือง
 
นอกจากนี้ ชาวมายานับถือเทพเจ้ามาก และมีเทพเจ้ามากมาย ทั้งสุริยเทพ วสันตเทพ และมรณเทพ เทพเจ้าเหล่านี้ทรงโปรดปรานการเสวยเลือด ดังนั้น เหล่าเชลยศึกสงครามจะถูกชาวมายาฆ่าเพื่อเอาเลือดไปถวายเทพ(บางครั้งก็เลือกกันเองในเผ่า)

แน่นอนมีตำนานเกี่ยวกับที่มาของชนเผ่านี้ด้วย จากคำบอกเล่าว่ากันว่า ชาวมายาสืบเชื้อสายจากพระเจ้าผิวสีขาว มีเครายาว และเดินทางมาจากฟากฟ้าโพ้น.. 

อาณาจักรมายามีซากสิ่งก่อสร้างหลายแห่งหลายที และแต่ละที่นั้นถูกขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกทั้งสิ้น

ติกัล (Tikal) มีพีระมิดของชาวมายา สูง 212 ฟุต บนยอดวิหารมีห้องมากมาย มีแท่นบูชากับหินแกะสลักอักษรภาพเป็นจำนวนมาก ตามฝาผนังของวิหารก็มีรูปสลักเต็มแทบทุกด้าน
เปเตน (Peten)
ปาเลงเก (Palenque) มีสิ่งก่อสร้างที่สร้างโดยปากัล พบหลุมศพจำนวนมากและในวิหารแห่งศิลาจารึก (Temple of the Inscriptions)
ซีบิลชัลตุน (Dzibilchaltun) มีวิหารขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า The Temple of the Seven Dolls
 

นักโบราณคดียุคปัจจุบันต่างตื่นตะลึงกับสิ่งก่อสร้างอันมหัศจรรย์มากมายของชาวมายาซึ่งไม่ใช้เครื่องมือโลหะในการก่อสร้างเลย เช่น วิหารรูปทรงพีระมิด ราชวังและหอดูดาว เป็นต้น ยอดพีระมิดของชาวมายาจะแบนราบต่างจากพีระมิดของชาวอียิปต์ พีระมิดที่เมืองติกัลสูงถึง 212 ฟุต บนส่วนยอดมีห้องมากมาย และแท่นบูชากับหินแกะสลักอักษรภาพ ราชวังของเมืองติกัลเป็นอาคาร 4 ชั้น มีห้องมากถึง 42 ห้อง และเมืองอักซ์มัลมีโรงละครขนาดใหญ่ มันช่างอลังการเหลือเกินอย่าว่าแต่สมัยโบราณเลย เพราะจนถึงปัจจุบันนี้การสร้างสิ่งก่อสร้างแบบนี้นับว่ายากมากๆ
นอกจากนี้ยังมีการสันนิษฐานถึงทฤษฏีพระเจ้าจากอวกาศ
หลักฐานสำคัญเกี่ยวกับพระเจ้าของชาวมายานี่ก็อีก รูปสลักภาพวาดแต่ละภาพล้วนสวยงามตามเอกลักษณ์แบบศิลปมายา แต่ก็น่าแปลกที่พระเจ้าของพวกเค้าล้วนพิลึกกึกกือเป็นที่สุด บางรูปเป็นรูปพระเจ้าขับยานอวกาศ บางภาพเป็นรูปสาวกของพระเจ้ากำลังปราบปีศาจร้าย และอาวุธที่อยู่ในมือ นักโบราณคดีต่างลงความเห็นว่า มันคือปืนอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อสองพันกว่าปีก่อนมีปืนใช้กันแล้วหรือครับ? ภาชนะบางชิ้นของพวกเขาก็เช่นกัน ถ้วยบางชิ้นมีภาพวาดของมนุษย์สวมหมวกอวกาศ


ชาวมายาหายไปไหน

ทุกวันนี้นักโบราณคดียังคงศึกษาอาณาจักรมายันเพื่อไขปริศนากันต่อไป ทอม เชฟเวอร์ นักโบราณคดีหนึ่งเดียวขององค์การนาซาจากศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล ก็เป็นคนหนึ่ง เชฟเวอร์และทีมงานทำการศึกษาซากเมืองเพเตนในประเทศกัวเตมาลาซึ่งติดกับพรมแดนเม็กซิโก โดยการขุดค้นหาหลักฐานใต้พื้นดินและใช้รีโมตเซนซิ่งหาหลักฐานที่สายตามนุษย์มองไม่เห็น


สิ่งที่เชฟเวอร์ค้นพบใต้พื้นดินทั่วทั้งบริเวณของเมืองร้างแห่งนี้คือเรณูของต้นหญ้าแทนที่จะเป็นเรณูของต้นไม้ใหญ่ หลักฐานนี้แสดงว่าป่าไม้ของเมืองเพเตนลดลงกินบริเวณกว้างเมื่อประมาณ 1,200 ที่ผ่านมา

ทีมงานบอกว่าเมื่อไม่มีป่าฝนก็จะเกิดการกัดเซาะและการระเหยของน้ำ และการกัดเซาะจะรุนแรงจนกวาดเอาปุ๋ยที่หน้าดินไปจนหมดสิ้น หลักฐานการกัดเซาะได้ถูกค้นพบในชั้นดินตะกอนในทะเลสาบ


ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ปกคลุมพื้นดินคือป่าไม้จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น บ๊อบ โอเกิลส์บี นักวิทยาศาสตร์ด้านอากาศของศูนย์การบินอวกาศมาร์แชลหนึ่งทีมงานใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์คำนวณผลแล้วปรากฏว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้น 5-6 องศาเซลเซียส การที่อุณหภูมิสูงขึ้นมีผลทำให้ผืนแผ่นดินแห้งแล้งซึ่งไม่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของพืช
 
นอกจากนั้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อการมีฝนด้วย ดังนั้นในฤดูแล้งเมืองเพเตนจะตกอยู่ในสภาพขาดแคลนน้ำ ขณะที่น้ำใต้พื้นดินก็ลึกถึง 500 ฟุต จนไม่สามารถจะขุดนำมาใช้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ชาวมายาจะต้องอาศัยการเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำแต่มันก็คงจะระเหยไปจนไม่ทันได้ใช้
 
ขณะที่อาณาจักรมายันมีประชากรจำนวนมากซึ่งจำเป็นจะต้องใช้อาหารและน้ำเป็นจำนวนมากด้วย การศึกษาพบว่าประมาณคริสต์ศักราช 800 เมืองของชาวมายามีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมาก ในพื้นที่ชนบทมีประชากร 500-700 คนต่อหนึ่งตารางไมล์ และ 1,800-2,600 คนต่อหนึ่งตารางไมล์ในบริเวณศูนย์กลางของอาณาจักรทางตอนเหนือของประเทศกัวเตมาลา พอๆ กับนครลอสแองเจลิสในปี 2000 ซึ่งมีประชากร 2,345 คนต่อหนึ่งตารางไมล์ จนกระทั่งถึงคริสต์ศักราช 950 ก็เกิดความหายนะ " บางทีราว 90-95% ของชาวมายาต้องตายไป" เชฟเวอร์กล่าว
 
หลักฐานที่สนับสนุนความเป็นไปได้ก็คือ การพบว่ากระดูกของชาวมายาซึ่งมีชีวิตอยู่ในราวสองสามทศวรรษก่อนอาณาจักรมายันจะล่มสลายซึ่งแสดงว่าเป็นโรคขาดอาหารอย่างรุนแรง


เชฟเวอร์สรุปการศึกษาในครั้งนี้ว่า นักโบราณคดีเคยโต้เถียงกันมานานว่า สาเหตุของการล่มสลายว่าเป็นเพราะความแห้งแล้ง หรือสงคราม หรือโรคระบาดอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้ทีมงานของเขาคิดว่าทั้งหมดล้วนมีบทบาท ทว่าสาเหตุหลักก็คือ การขาดอาหารและน้ำอย่างยาวนาน ซึ่งเกิดจากความแห้งแล้งทางธรรมชาติผสมผสานกับการทำลายป่าไม้ของมนุษย์ และเขาคิดว่าการเรียนรู้ว่าชาวมายาทำอะไรถูกต้องและทำอะไรผิดพลาดจะช่วยให้ประชาชนพบวิถีทางที่ยั่งยืนในการทำการเกษตร โดยจะหยุดยั้งการทำสิ่งที่เลยเถิดในช่วงเวลาอันสั้นซึ่งเคยทำลายชาวมายามาแล้ว


ภาพ : สัญลักษณ์ของชาวมายา



ปฏิทินมายา เกี่ยวอะไรกับปี 2012
(บทความโดยคุณ Sonic)

ชาวมายาวัดขนาดของเวลาจากเล็กไปสู่ใหญ่ จากวินาทีเป็นนาที ชั่วโมง วัน เดือน ฯลฯ อารยธรรมตะวันตกวัดเวลาตามปฏิทินเกรเกอเรียนซึ่งกินเวลา 365 วัน/ปี อันเป็นคาบเวลาที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ถัดจากปีเราก็มายืนอยู่บนเลขฐาน 10 นั่นคือ 10 ปีต่อ 1 ทศวรรษ, 10 ทศวรรษต่อ 1 ศตวรรษ, 10 ศตวรรษต่อ 1 สหัสวรรษ บลา บลา บลา...
 
แต่ปฏิทินของชาวมายานั้นแตกต่างออกไปเพราะตั้งอยู่บนค่าของเลข 20 เป็นหลัก 1 คินจะแทนค่าแทน 1 วัน นับตามแบบของเราคือโลกหมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบ อุยนัลแทนค่า 1 เดือนประกอบด้วย 20 คิน
 
ส่วนปีของมายาแทนด้วนทันอันประกอบด้วย 18 อุยนัลหรือ 360 คิน(ใกล้เคียงกับ 365 วันของพวกเรามากทีเดียว) 1 คาทันของชาวมายาเทียบได้กับทศวรรษของพวกเราเพียงแต่ยาวกว่า 2 เท่า เพราะระบบเลขของพวกเขาคือฐาน 20
 
ดังนั้น 1 คาทันจะมีความยาวประมาณ 19.5 ปี สำหรับ 1 แบ็กทันจะยาว 20 คาทันหรือประมาณ 394.5 ปี

จุดเริ่มการสร้างสรรค์ของชาวมายาตามบันทึกของพวกเขาซึ่งบันทึกเวลาได้เที่ยงตรงมากนั้นจะอยู่ประมาณ 3116

ปีก่อน ค.ศ. วงจรนี้จะกินเวลา 13 แบ็กทันของพวกเขาหรือ 5129 ปีของพวกเรา แบ็กทันที่เก้าสิ้นสุดลงราวปี ค.ศ. 830

ดังนั้นจุดสิ้นสุดของแบ็กทันที่ 13 จึงจะอยู่ที่ ค.ศ. 2012 โดยประมาณ ทีนี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญล่ะว่า หนึ่งวงจรของชาวมายานั้นมีความสำคัญอย่างไร
และนี่คือปฏิทินเทียบระหว่างปฏิทินของเรากับวงจรของชาวมายา รอบแบ็กทัน ปฏิทินมายา ปฏิทินเกรเกอเรียน เหตุการณ์สำคัญ

1 1.0.0.0.0 3116-2734 BC จุดเริ่มต้น
2 2.0.0.0.0 2734-2339 BC ยุคปิระมิด
3 3.0.0.0.0 2339-1944 BC ยุคล้อ
4 4.0.0.0.0 1944-1550 BC อารยธรรมอียิปต์
5 5.0.0.0.0 1550-1155 BC อารยธรรมบ้านเชียง
6 6.0.0.0.0 1155 - 761 BC สงครามม้า
7 7.0.0.0.0 761-366 BC ยุคปรัชญา
8 8.0.0.0.0 366 BC - ค.ศ. 28 ยุคเมสไซอาห์
9 9.0.0.0.0 ค.ศ. 28-422 อาณาจักรโรมัน
10 10.0.0.0.0 ค.ศ. 422-817 มายา
11 11.0.0.0.0 ค.ศ. 817-1211 สงครามครูเสด
12 12.0.0.0.0 ค.ศ. 1211-1606 ยุคล่าอาณานิคม
13 13.0.0.0.0 ค.ศ. 1606-2012~ ยุคอุตสาหกรรมใหม่

... เป็นอันว่าเราเกือบครบรอบวงจรใหญ่ของชาวมายากันแล้ว โดยนับจากแบ็กทันแรกถึงแบ็กทันที่สิบสามตามเวลาปฏิทินของมนุษย์ยุคใหม่เรา
ส่วนการอ่านปฏิทินตัวเลขของชาวมายานั้นให้อ่านแบบนี้ครับ ดูตัวเลขที่เรียกลำดับกัน 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มนั้นจะแทนช่วงลำดับเวลา ตามนี้

แบ็กทัน, คาทัน, ทัน, อุยนัล, คิน
คิน = 1 วัน
อุยนัล = 20 คิน
ทัน = 360 คิน
คาทัน = 20 ทัน (7200 คิน)
แบ็กทัน = 20 คาทัน (144000 คิน)

จากนั้นก็คูณตัวเลขในแต่ละช่วงเวลาออกมาเพื่อให้ได้จำนวนวันจริงๆ

แล้วเอาจำนวนวันจริงๆไปบวกจุดอ้างอิงของเราคือ 3116 BC. เราก็จะได้วันที่ตามปฏิทินสากลของเราแบบเท่ากันทุกประการ เป็นทฤษฎีที่หลุดโลกมาเลยใช่ไหมล่ะ ในข้อที่ว่าบรรพบุรุษของชาวมายาได้เดินทางจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้นมาเยือนโลกพิภพของเรา เพื่อภารกิจในการสอดประสานระหว่างโลกมนุษย์กับแกแล็กซี่อื่น คุณอาจจะกำลังบริภาษอยู่ในใจว่าบ้าไปแล้วแน่ๆ
มีหลักฐานหรือเปล่าว่าชาวมายาเดินทางมาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น พวกเขามาที่โลกของเราได้ยังไง นั่งเรือมาเรอะ?

หลักฐานการเดินทางล่ะมีไหม เอาล่ะ มีคำอยู่สองคำที่คุณต้องทำความรู้จักเอาไว้เสีย นั่นคือคำว่า ฮูแน็บ คู กับ คูซาน ซูอัม

คำว่าฮูแน็บ คู หมายถึงผู้ให้การเคลื่อนไหวและมาตรวัดเดียว เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ดำรงอยู่เหนือดวงอาทิตย์ เหนือแกนแกแล็กซี่ที่เป็นจุดกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง

ส่วนคำหลังคือ คูซาน คูอัม ถนนสู่ท้องฟ้าที่นำไปสู่แกนแกแล็กซี่หรือฮูแน็บ คู ส่วนที่ตั้งของ ฮูแน็บ คู

ตามแผนที่ดาราศาสตร์ปัจจุบันคือจุดระหว่างดาวฤกษ์สองดวงในกลุ่มดาวเซ็นทอร์ใต้ มีระห่างจากโลกของเรา 139 ปีแสง จุดเชื่อมระหว่างโลกและดาวอันไกลโพ้นของชาวมายาดวงนี้ก็คือ คูซาน ซูอัม นั่นเอง


ปากาล โวทาน ผู้นำชาวมายาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
อาณาจักรมายาคลาสสิคมีความรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุคการปกครองของเขา
ปากาลตายในปี ค.ศ. 683 ภาพนี้คัดลอกมาจากภาพนูนแกะสลักบนฝาหินของเขาที่พบใน ค.ศ. 1952 ในอุโมงค์ฝังศพที่ตบแต่งไว้อย่างสวยงาม ในวิหารแห่งคำจารึก (Temple of inscriptions) ที่พาเลงกอในเชียพัส ประเทศเม็กซิโก นักคิดนักเขียนบางคนเรียกปากาลว่าผู้แทนแห่งแกแล็กซี่ ผู้อาศัยคูซาน ซูอัม เพื่อไปถึง ฮูแน็บ คู หลังจากที่ภารกิจของเขาลุล่วงไปแล้ว

...อ่านแล้วก็ขนลุกขนพองตามใช่ไหม ทีนี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญอีกประเด็นว่าทำไมถึงเป็นชาวมายา ไม่ใช่อียิปต์ อินคา หรือ สุเมเรียนที่เป็นอารยชนที่ยิ่งใหญ่พอๆกัน บอกได้เพียงแต่ชาวมายาก็มีอิทธิพลไม่น้อยในอารยธรรมอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น คำว่ามายาเป็นคำศาสนาฮินดูหมายถึงต้นกำเนิดของจักรวาล

ในภาษาสันสกฤตเป็นคำที่เกี่ยวโยงกับสภาพจิตใจ เวทย์มนตร์คาถาและแม่
แม้แต่พระมารดาของพระพุทธองค์เองก็มีนามว่าสิริมหามายา ในภาษา อียิปต์คำว่ามาเย็ตหมายถึงระเบียบของจักรวาล ส่วนในตำนานกรีกดาวที่ส่องสว่างที่สุดในกลุ่มดาวลูกไก่และเป็นน้องคนสุดท้องก็มีนามว่ามายาขนิษฐาของเฮดีส
ต่อไปนี้คือคําทํานายของปี2012 ครับ
เดือนตุลาคม ค.ศ. 2000 ชาวคอร์กิโนหลายคน เห็นดวงแสงลึกลับ ลอยวูบลงสู่พื้นดิน แล้วพุ่งกลับขึ้นไปในอากาศ ทิ้งรอยไหม้จนหินละลาย ซึ่งต่อมาหินละลายดังกล่าว ได้รับการตรวจสอบจากนักธรณีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ที่ลงความเห็นว่าหินได้รับความร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากแสงลึกลับแล้ว ที่นี่ยังมีชายผู้หนึ่งซึ่งอ้างว่าเขาสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้มานานแล้ว ล่าสุดเมื่อปี 2002 เขาก็อ้างว่าเขาถูกลักพาตัวไปยังยางนอกโลกถึง 3 วัน ซึ่งงานนี้เขาไม่ได้อ้างลอยๆ นะ เขามีพยานหลักฐานอันน่าทึ่ง และยังไม่อาจพิสูจน์ค้านได้ว่าเป็นการทำปลอม หรือกุเรื่องขึ้นเสียด้วย

ชายผู้มีประสบการณ์พิเศษคนนี้ ชื่อ อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า เขาอ้างว่าเขาเคยติดต่อ กับมนุษย์ต่างดาวมาหลายครั้ง มนุษย์ต่างดาวของ โอลิเวียร่า ไม่ใช่ทอล ดาร์ค แอนด์ แฮนซัม แต่เป็นทอล บลอนด์ ผิวขาวร่างสูง ผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าจาง โดยมีแก้วตาสีเหลืองอ่อนวางตามตัวตามแนวตั้งเหมือนตาแมว ฟังดูไม่น่าเกลียดเหมือนตัวอีทีโอลิเวียล่า บอกเราว่ามนุษย์ต่างดาวใช้สิ่งที่เรียกว่าแสงพลาสม่า เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับเขาทางโทรจิต

เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2002 คืนนั้น

โอลิเวียร่า หายตัวไปจากห้องนอน ทิ้งไว้แต่รอยไหม้รูปร่างคนนอนบนผู้ปูเตียงและบนฝ้าเพดาน ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน อีก 3 วันต่อมมจู่ๆ เขาก็กลับมาอยู่ในห้องนอนนั้น และเขาอ้างตลอดว่า เวลาที่เขาหายไปนั้นเขาถูกนำตัวไปยังยานต่างดาว


โอลิเวียร่า บอกว่าเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยเขาได้รับการติดต่อ ทางโทรจิตผ่านแสงพลาสม่า ว่ามนุษย์ต่างดาวจะมานำตัวเขาไปในคืนดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุการณ์จะมีสัญญาณนำมาให้รู้ โดยจะเกิดฝนก้อนหินตกลงมา

ค่ำวันที่ 15 กันยายน 2002 เวลาประมาณ 19.13 น. เพื่อนบ้านใกล้เคียงของ โอลิเวียร่า ต้องประหลาดใจที่ได้ยินเสียงอะไร ร่วงกรูกราวอยู่บนหลังคา เมื่อออกมาดูพบว่าเป็นก้อนหินกลมๆ ก้อนเล็ก ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า หลายคนช่วยเก็บก้อนหิน บางคนก็ถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย

เขาเล่าว่า ในขณะที่เขานอนอ่านหนังสืออยู่ยนเตียงสักครู่ก็มีแสงสีม่วงสว่างไปทั้งห้อง แสงนั้นรวมตัวเข้าเหมือนฟองสบู่ ร่างของเขาลอยทะลุเพดาน รู้สึกเหมือนกระดูถูกยืดออก แต่ไม่มีความเจ็บปวด ครั้งลอยพ้นผ่านหลังคาบ้านไป ลำแสงสีม่วงก็พลิกร่างเขาให้ยืนขึ้น เมื่อไปถึงยานต่างดาว ( ซึ่งเขาไมได้บอกว่ามันเป็นอย่างไร ) เขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในฟองอากาศ ใบใหญ่ ซึ่งมีผิวบางใส คล้ายๆ ว่าข้างในคงจะคล้ายๆ ห้องฆ่าเชื้อ ปรับพลังงานให้สมดุลย์อะไรทำนองนั้น จากนั้นมนุษย์ต่างดาวผมบลอนด์ร่างสูง ก็พาเขาขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของยาน ซึ่งเป็นห้องกว้างใหญ่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ที่นั่นมนุษย์ต่างดาวให้เขาดูจอภาพ อันเป็นภาพเกี่ยวกับโลก ระบบสุริยะ และกาแล็คซี่ของเรา มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม 2012 ( พ.ศ. 2555 ) จะเกิดปรากฎการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบไปทั้งจักรวาล ในวันนั้นแกแล็คซี่จะส่งแสงวาบเจิดจ้าออกมาก ดวงอาทิตย์ทุกดวงในแกแล็คซี่ จะสะท้องแสงนั้นไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัวมัน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลอันมีดวงตาจะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ทั่วหน้ากัน โลกของเราจะปั่นป่วน ด้วยพายุสุริยะทั้งแสงอาทิตย์ก็จะร้อนจัดขึ้น

คำทำนายของมนุษย์ต่างดาว ที่ว่าจะเกิดอาเพศขึ้นทั่วทั้งจักรวาลในวันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ น่าแปลกที่ว่า วันที่ 22 ธันวาคม 2012 นั้นเป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของชาวมายาอีกด้วย

อีกไม่กี่ปีเราคงจะได้เห็นปรากฎการณ์นั้น ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ปล.เอามาจากเมลอยากให้ได้อ่าน
ライト夜明け
Sr. Member
****
กระทู้: 1,934

....


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #1 เมื่อ: 13-04-2010, 18:53:07 »

ประวัติศาสตร์ Shocked
ヴェイグ・リュングベル
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 7,539


Theme :: Scutum - fang


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #2 เมื่อ: 13-04-2010, 19:02:41 »

เจอแต่เรื่อง 2012 จนเือือมแล้วแฮะ

มนุษย์ต่างดาวลักพาตัว ผมบลอนด์ ผิวขาว

เหอะๆ ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย





Tales of Series Community


., Noεyy'♥
Jr. Member
**
กระทู้: 410

รตอ.


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #3 เมื่อ: 13-04-2010, 19:03:48 »

 ใช่

lovesky4ever
Let's comic
Full Member
***
กระทู้: 598


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #4 เมื่อ: 14-04-2010, 21:05:52 »

ถ้าเกิดก็ตาย ห.หีบ ไม้เอก สระอา Shocked

ถ้าไม่เกิดก็รอดไป Smiley


T0Nz
Hero Member
*****
กระทู้: 3,574


มันใกล้จะละลาย


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #5 เมื่อ: 14-04-2010, 21:11:50 »

รอดูดีกว่า = _ =



ฮว๊ากกกกกกกกกกกก .
โบนัส!
Sr. Member
****
กระทู้: 1,297

ที่บอกว่าความรักมันเป็นสิ่งสวยงามอ่ะตรงไหนหรอ??


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #6 เมื่อ: 14-04-2010, 21:34:36 »

นัสเชื่อนะแต่พระเจ้าบอกว่าเราจะไม่ทำให้น้ำท่วมโลกอีกแล้ว

เพราะเราเคยทำให้โลกถูกน้ำท่วมมาและครั้ง1พระเจ้าเลยสร้างสายรุ้งกินน้ำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าน้ำจำไม่ท่วมโลกอีกแล้ว

แต่ครั้งที่2ที่พระองค์จะเสด็จมาล้างโลกพระองค์จะใช้ไฟบรรลัยกรรทำลายทุกสิ่ง

ผู้ที่เชื่อเท่านั้นที่จะรอดจากเปลวไฟนั้น

พระองค์ให้เวลาเราอยู่ในโลกมนุษย์เพื่อที่จะให้เรากลับใจใหม่และเปิดใจรับพระองค์เข้ามาในชีวิต

พระเจ้ารอแค่ให้คนกลับใจกลับไปหาพระองค์

ผู้ที่มีความเชื่อเท่านั้นนะค่ะจะรอด

ขอฝากแง่คิดนี้ไปให้พวกที่ได้อ่านกลับใจทันด้วยนะค่ะ

 Wink Wink Wink

naygue
Hero Member
*****
กระทู้: 6,405


เว็บไซต์
Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #7 เมื่อ: 18-04-2010, 20:24:28 »

แล้วเราจะอยู่ไหน  Sad



อภิมหานันทนาการรูปและคำประพันธ์โดย —DэmønîcPrî€sŧ™—
~ปลื้มซ่า บ้าลมตด~
Sr. Member
****
กระทู้: 1,219

ชอบสีเขียว


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #8 เมื่อ: 19-04-2010, 20:03:27 »

อ้างจาก: naygue ที่ 18-04-2010, 20:24:28
แล้วเราจะอยู่ไหน  Sad



กรุณารอสักครู่มีอีกอัน
~ปลื้มซ่า บ้าลมตด~
Sr. Member
****
กระทู้: 1,219

ชอบสีเขียว


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #9 เมื่อ: 19-04-2010, 20:04:37 »

โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

เรื่องนี้ผมได้ไปเจอที่หนังสือ 2012 วันสิ้นโลก แล้วอยากให้ทุกคน ได้ลองอ่านแล้วแสดงความเห็นหน่อย ว่า เชื่อ ไม่เชื่อยังไงอะครับ

รับชมประวัติของยายและคำทำนายได้เลย

วาน ก้า หรือชื่อจริงคุณยาย วานเกเลีย ปานเดว่า กุชเตโรว่า เป็นชาวบัลแกเรีย ซึ่งตายไปเมื่อหลายปีก่อน คุณยายผู้นี้เกิดเมื่อ 31 มกราคม 1911 ในครอบครัวชาวนายากจนที่หมู่บ้าน สตรูมิซ่า ที่ปัจจุบันอยู่ใน มาเซโดเนีย เมื่อคลอดออกมา คุณยายทำท่าว่าจะไม่รอดตั้งแต่หลังคลอด แต่ไม่ยักกะตาย และหลังจากมีอายุได้ 2 เดือน เด็กน้อยก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเด็กปกติ ตอนอายุ 3 ขวบ แม่คุณยายก็เกิดมาตาย ไม่นานหลังจากนั้น พ่อก็ถูกเกณฑ์ไปรบในสงครามโลกครั้งแรก เพื่อนบ้านต้องช่วยกันดูแลเด็กน้อยแทน หลังจากพ่อกลับมา ชีวิตของท่านก็ดีขึ้น เมื่อพ่อมีเมียใหม่ แม่ใหม่ก็ไม่ได้รังเกียจลูกเลี้ยง
พอคุณยายมีอายุได้ 12 ขวบ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดกับตัวท่าน กล่าวคือได้เกิดพายุหมุนในหมู่บ้าน ( โดยก่อนและหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย) พายุได้หอบเอาคุณยายขึ้นไปเบื้องบน ก่อนจะปล่อยตกลงมาในภายหลัง และหลังจากนั้นตาของคุณยายก็เริ่มมองไม่เห็น หลังการผ่าตัดก็ไม่หาย และมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง 3 ปีหลังเหตุการณ์นั้น
ปี 1925 คุณยายถูกส่งตัวเข้าโรงเรียนคนตาบอด และใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 ปี เมื่อกลับมาบ้าน ก็ต้องเจอกับชีวิตที่ยากลำบาก ทั้งความยากจน งานหนัก และโรคภัยไข้เจ็บที่เกือบจะคร่าชีวิต แต่ในช่วงนั้นเองที่คุณยายเริ่มรู้สึกตัวว่ามีอำนาจพิเศษ นั่นก็คือการมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆทั้งจากในความฝัน พรายกระซิบ และอื่นๆ ทำให้สามารถทำนายทายทักเหตุการณ์ทั้งที่จะเกิดในอนาคต และเกิดมาแล้วได้อย่างแม่นยำมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องทหารที่สูญหายไปในแนวหน้า แต่ตอนแรก คุณยายไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับใคร กลัวจะถูกหาว่า นอกจากบอดแล้วยังบ้า

คำทำนายครั้งแรกของคุณยาย มีขึ้นเมื่ออายุ 16 ปี คือการบอกถึงสถานที่ที่แพะของพ่อที่ถูกลักไป ถูกนำไปซ่อน คุณยายบอกว่า ท่านเห็นสิ่งนี้ในฝัน
ปี 1942 คุณยายแต่งงานกับหนุ่มที่รู้จักกันที่โรงเรียนคนตาบอด และเริ่มเป็นนักทำนายอย่างเป็นงานเป็นการตอนอายุ 30 ช่วงนี้คุณยายเริ่มโด่งดังมากขึ้น เมื่อทำนายทายทักว่า ทหารคนไหน จะกลับมาจากแนวหน้า หรือไม่ได้กลับ ทำให้ผู้คนแห่แหนกันมาหาคุณยาย ให้ช่วยทำนายทายทัก ทั้งเรื่องทหาร เรื่องโรคที่ป่วยจากการประเมิน เชื่อว่า มีผู้มาขอความช่วยเหลือจากคุณยายมากถึงกว่าล้านคน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมายืยยันเรื่องนี้ได้ เพราะไม่ได้มีการจดบันทึกใดๆทั้งสิ้น นอกจากนั้น บางคนก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาหรือเธอ มาขอความช่วยเหลือจากคุณยายบ้านนอกตาบอด ว่ากันว่า หนึ่งในผู้ที่มาหาคุณยาย เพื่อให้ทำนายโชคชะตาก็คือ ฮิตเลอร์
เมื่อบัลแกเรีย กลายเป็นประเทศสังคมนิยม ทางการก็เข้ามาตรวจสอบคุณยาย แถมยังส่งคุณยายไปนอนถึงอยู่ครึ่งปี เพราะดันไปทำนายทายทักเรื่องการตายของสตาลิน แต่เมื่อเรื่องการตายเกิดขึ้นจริง พวกเขาก็ปล่อยคุณนายออกมา ฝ่ายศาสนาเองก็ไม่ชอบหน้าคุณยาย เพราะคำทำนายหลายข้อขัดแย้งกับความเชื่อทางศาสนาของกรีกออโธดอกซ์
ในส่วนของความแม่นยำนั้น จากการทำวิจัยของนักวิทยาศาสตร์บัลแกเรียผู้หนึ่งที่ติด ตามคำทำนายมากกว่า 7 พันคำทำนายของคุณยาย ก็สรุปว่า ถูกต้องถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยคำว่าแม่นในที่นี่ ระบุด้วยว่า เกินกว่าระดับที่จะถือได้ว่าเป็นการประจวบเหมาะ
และเมื่อไม่สามารถสยบกระแสนิยมการมาใช้บริการ ทางการก็เลยหาทางทำเงินทำทองจากเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ ปี 1967 จนถึง 1990 คุณยาย ถือเป็นข้าราชการคนหนึ่ง และมีการกำหนดสนนราคาการเข้ามาขอใช้บริการของคุณยายวานก้า ไว้อย่างเป็นกิจลักษณะ โดยคนจากประเทศสังคมนิยม 15 ประเทศคิดค่าบริการคนละ 10 เลียฟ (ประมาณ 2 ดอลล่าร์ ) ส่วนจากประเทศอื่นๆที่เหลือคิดคนละ 50 ดอลล่าร์ งานนี้ทางการรับเข้ากระเป๋าไปหมด ในส่วนของตัวคุณยาย ก็จะได้เงินเดือนเดือนละ 200 เลียฟ นอกจากนั้นก็ยังได้รถยนต์ บ้าน และคนรับใช้
จากคนที่เคยถูกทางการจับ คุณยายวานก้า ได้กลายเป็น ความภาคภูมิใจของบัลแกเรียไปเสียแล้ว
เมื่อมีคนชอบ ก็มีคนชัง คนที่ชิงชังคุณยายตาบอดรายนี้มากที่สุด ออกมาติติงคุณยายว่า ทีอันไหนทายถูกแล้วละก็ จำได้จำดี ส่วนอันไหนทายผิด ดันลืมไปหมดนานแล้ว นอกจากนั้น ก็ยังบอกว่าคุณยายทำงานประสานกับหน่วยข่าวกรองบัลแกเรียในการทำนายโชคชะตา ผู้คน คือให้หน่วยข่าวกรองไปสืบข้อมูลของคนที่จะมาพบคุณยายเป็นการล่วงหน้า เขาบอกว่าหลักฐานในเรื่องนี้ก็คือหลังจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ล้มลง ฝ่ายข้าวกรองไม่ได้เข้ามาช่วยเหลืออีกต่อไป การทายของคุณยายก็แย่ลง

เรือดำน้ำคูร์สค์
ตัวอย่างการทำนายของคุณยายวานก้าที่ว่าแม่นๆนั้น ก็อย่างเช่นเรื่องเรือดำน้ำคูร์สค์ ของรัสเซียที่ระเบิดเมื่อหลายปีก่อน ที่คุณยายทำนายไว้ตั้งแต่ปี 1980 คุณยายทำนายเรื่องนี้ว่า ' ในปี 1999 หรือ 2000 คูร์สค์ จะจมอยู่ใต้น้ำ ผู้คนทั้งโลกจะเศร้าใจกับมัน ' แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ เพราะเมืองคูร์สค์ อยู่ไกลจากทะเล หรือแม่น้ำ และไม่มีใครฉุกคิดว่าคุณยายทำนายถึงเรื่องดำน้ำคูร์สค์
นอกจากนั้น คุณยายวานก้า ก็ยังทำนายตั้งแต่ปี 1979 ถึงการที่สหภาพโซเวียต จะกลับคืนมาเป็นรัสเซียเหมือนเดิม เรื่องที่สหรัฐถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี ในเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ตั้งแต่ปี 1989 เรื่องการลงนามในสนธิสัญญาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างกอร์บาชอฟกับเรแกน การเข้ามาอยู่ในกลุ่ม จี 8 ของรัสเซีย การกลับมาเป็นมหาอำนาจอีกครั้งของรัสเซีย การขึ้นมายิ่งใหญ่ของคนชื่อ วลาดิมีร์ และเรื่องวันตายของคุณยายเอง
คุณยายตายเมื่อ 11 สิงหาคม 1996 เวลา 10:10 น. ตรงตามที่ทำนายเอาไว้ทั้งวันที่ และเวลา

และต่อไปนี้คือคำทำนายถึงโลกในอนาคตครับ .................


2008 - ผู้นำ 4 ประเทศถูกลอบสังหาร กรณีพิพาทในอินโดสถาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3
2010 - เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 ( พฤศจิกายน 2010 - ตุลาคม 2014 ) ตอนแรกก็ใช้อาวุธธรรมดา ต่อมาก็ตามด้วยนิวเคลียร์และอาวุธเคมี การนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ ทำให้ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นพวกมุสลิม จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี
2016 - ยุโรปแทบจะร้างผู้คน
2018 - จีนเป็นมหาอำนาจของโลกรายใหม่ ประเทศกำลังพัฒนา กลับกลายจากประเทศผู้ถูกกดขี่ มาเป็นผู้กดขี่เสียเอง
2023 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
2028 - เกิดแหล่งพลังงานใหม่ (คาดว่า น่าจะเป็น เทอร์โมนิวเคลียร์ รีแอ็คชั่น ) โลกเริ่มเอาชนะปัญหาความอดอยากได้ มนุษย์เริ่มเดินทางไปยังดาวศุกร์
2033 - น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
2043 - เศรษฐกิจโลกรุ่งเรือง มุสลิมปกครองยุโรป
2046 - มนุษย์ปลูกอวัยวะได้ทุกอย่าง การเปลี่ยนอวัยวะ เป็นวิธีการรักษาโรคที่ดีที่สุด
2066 - สหรัฐโจมตีกรุงโรมของพวกมุสลิมด้วยอาวุธใหม่ คืออาวุธสภาพอากาศ ซึ่งทำให้อากาศหนาวเย็นลง
2076 - สังคมไร้ชนชั้น (คอมมิวนิสต์)
2084 - ธรรมชาติได้รับการฟื้นฟู
2088 - เกิดโรคใหม่ โรคแก่ติดจรวด (แก่ในไม่กี่วินาที)
2097 - เอาชนะโรคแก่ติดจรวดได้
2100 - ดวงอาทิตย์เทียมให้แสงส่างกับโลกส่วนที่มืด
2111 - มนุษย์ กลายเป็นมนุษย์ไซบอร์ก (หุ่นยนต์มีชีวิต)
2125 - โลกได้รับสัญญาณจากอวกาศ
2130 - โลกไปตั้งอาณานิคมใต้น้ำ (จากคำแนะนำของมนุษย์ต่างดาว)
2164 - สัตว์ กลายเป็นสัตว์กึ่งมนุษย์
2167 - เกิดศาสนาใหม่
2183 - อาณานิคมบนดาวอังคารมีอาวุธนิวเคลียร์ และต้องการเป็นเอกราชจากโลก
2187 - โลกหยุดยั้งการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ 2 ลูก
2195 - อาณานิคมใต้น้ำ เลี้ยงตัวเองได้โดยสมบูรณ์ ทั้งอาหารและพลังงาน
2196 - ชาวเอเชียผสมกับชาวยุโรปโดยสมบูรณ์
2221 - ในการติดตามหาชีวิตนอกโลก มนุษย์ต้องเจอกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัว
2256 - ยานอวกาศนำโรคร้ายกลับมายังโลก
2262 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดาวหางเกือบชนดาวอังคาร
2273 - การผสมปนเปกันของคนผิวขาว ผิวเหลือง และผิวดำ ก่อเกิดเป็นคนสีผิวใหม่
2279 - พบพลังที่ไม่ได้มาจากอะไรเลย (คาดว่าอาจจะมาจากสภาพสูญญากาศ หรือไม่ก็หลุมดำ )
2288 - มีการเดินทางไปกับกาลเวลา การติดต่อครั้งใหม่กับมนุษย์ต่างดาว
2291 - ดวงอาทิตย์เริ่มเย็นลง มีความพยายามที่จะจุดมันขึ้นมาใหม่
2296 - เกิดระเบิดครั้งใหญ่บนดวงอาทิตย์ สถานีอวกาศและดาวเทียมเก่าเริ่มตก
2299 - ในฝรั่งเศสเกิดการจลาจลต่อต้านมุสลิม
2302 - เปิดกฏใหม่เรื่องความลับของจักรวาล
2304 - พบความลับของดวงจันทร์
2354 - เกิดความผิดพลาดกับดวงอาทิตย์เทียม ก่อให้เกิดความแห้งแล้ง
2371 - เกิดปัญหาความอดอยากครั้งใหญ่
2480 - ดวงอาทิตย์เทียม 2 ดวงชนกัน
3005 - สงครามบนดาวอังคาร
3010 - ดาวหางชนดวงจันทร์ เศษซากที่กระจาย พากันโคจรรอบโลก
3797 - ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือบนโลก แต่มนุษย์ได้ไปวางสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิตบนดาวดวงอื่นแล้ว

-------------------------The end of the world-------------------------------และนี่คือคำทำนายในดาวดวงใหม่ที่มนุษย์ไปตั้งถิ่นฐาน

3803 - A new planet is populated by little. Fewer contacts between people. Climate new planet affects the organisms of people - they mutate.
3803 - มีประชากรเพียงน้อยนิดบนดาวเคราะห์ดวงใหม่ และไม่ค่อยมีการติดต่อกัน สภาวะบนดาวดวงใหม่นี้สร้างผลกระทบกับร่างกายมนุษย์ - ทำให้เกิดการกลายพันธุ์

3805 - The war between humans for resources. More than half of people dying out.
3805 - เกิดสงครามแย่งชิงทรัพยากรณ์ขึ้น ตายกันมากกว่าครึ่ง

3815 - The war is over.
3815 - สงครามจบ

3854 - The development of civilization virtually stops. People live flocks as beasts.
3854 - ดูเหมือนว่าการพัฒนาทางอารยธรรมจะชงักลง ผู้คนใช้ชีวิตราวสัตว์ป่า

3871 - New prophet tells people about moral values, religion.
3871 - ศาสดาใหม่ถือกำเนิดขึ้น สั่งสอนผู้คนในเรื่องศีลธรรมและศาสนา (พ.ศ. 4414)

3874 - New prophet receives support from all segments of the population. Organized a new church.
3874 - ศาสดาได้รับการสนับสนุนจากผู้คนทุกหมู่เหล่า จัดสร้างนิกายขึ้นมาใหม่

3878 - along with the Church to re-train new people forgotten sciences.
3878 - เมื่อนิกายใหมถือกำเนิด ผู้คนยุคใหม่ก็ลืมเรื่องวิทยาศาสตร์

4302 - New cities are growing in the world. New Church encourages the development of new technology and science.
4302 - เมืองต่างๆ เติบโตขึ้นบนโลก นิกายใหม่สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์

4302 - The development of science. Scientists discovered in the overall impact of all diseases in organism behavior
4302 - ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ ภาพรวมของโรคทุกชนิด

4304 - Found a way to win any disease.
4304 - เจอทางกำจัดโรคทุกชนิด

4308 - Due to mutation people at last beginning to use their brains more than 34%. Completely lost the notion of evil and hatred.
4308 - ในที่สุดมนุษย์ก็ใช้สมองเกิน 34% ทำให้กำจัดความเกลียดชังออกไปจากใจได้

4509 - Getting to Know God. The man has finally been reached such a level of development that can communicate with God.
4509 - ใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น มนุษย์พัฒนาถึงขั้นที่สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้

4599 - People achieve immortality.
4599 - มนุษย์เข้าถึงความเป็นอมตะ

4674 - The development of civilization has reached its peak. The number of people living on different planets is about 340 billion. Assimilation begins with aliens.
4674 - อารยธรรมถูกพัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุด ประชากรรวมๆ ในทุกๆ ดาวอยู่ที่ 340 พันล้านคน เริ่มมีการรวมเผ่าพันธุ์กับเอเลี่ยน

5076 - A boundary universe. With it, ไม่ one knows.
5076 - สู่สุดขอบจักรวาล ที่ซึ่งหามีผู้ใดรู้จักไม่

5078 - The decision to leave the boundaries of the universe. While about 40 percent of the population is against it.
5078 - เกิดการตัดสินใจก้าวข้ามขอบจักรวาล ในขณะที่ผู้คน 40% ไม่เห็นด้วย

5079 - End of the World.
5079 - จบบริบูรณ์




นี่เป็นคำทำนายทั้งหมดค่ะ

เท่าที่เราเห็นจะเห็นว่า มีคำทำนายในปี2008ที่กล่าวว่า

2008 - ผู้นำ 4 ประเทศถูกลอบสังหาร กรณีพิพาทในอินโดสถาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3



ซึ่งตามหลักแล้วคำทำนายของจริงไม่ใช่แบบนี้

มันเป็นแบบนี้ต่างหาก




QUOTE
 
2008 -Attempts on four heads of government. Conflict in Hindustan. This will be one of the reasons for World War 3.
2008 - มีการลอบสังหารผู้นำรัฐบาลทั้งสี่ (ไม่ได้บอกว่าที่ไหนบ้าง) เกิดการขัดแย้งใน ฮินดูสถาน (ไม่ใช่ อินโดสถาน)
 



ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง(ถ้าเป็นฮินดูสถาน ไม่ใช่อินโดสถาน) เหตุการณ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้วครับ

เราคงจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว


ปี 2010 ก้อปีนี้แล้วนะ ระวังตัวกันด้วยล่ะ


ปล.ก็อบมาจากที่อื่นท่ามีครับหลงมาก็อย่าถือกันนะครับ
~ปลื้มซ่า บ้าลมตด~
Sr. Member
****
กระทู้: 1,219

ชอบสีเขียว


Re: อยากให้ทุกคนได้อ่าน2012
« ตอบ #10 เมื่อ: 19-04-2010, 20:08:41 »

บ้างคำอาจเป็นค่ะ แต่ ขอเปลี่ยนเป็นครับนะครับ
ป้าย:
หน้า: [1]