GAMEINDY: Asura Online
หน้า: [1]
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของแม่มด (อาจจะเคยอ่านแล้ว)  (อ่าน 684 ครั้ง)
◄lï Kuu ☼ Me ïl►
Hero Member
*****
กระทู้: 2,143

ขอโทษที่ทำตัวไร้สาระ แค่อยากให้คนมีสาระรู้ตัวบ้าง


เว็บไซต์
เรื่องของแม่มด (อาจจะเคยอ่านแล้ว)
« เมื่อ: 17-02-2010, 12:04:41 »


อาจจะเคยอ่านกันมาแล้ว แต่บางก็คงยังไม่เคย เอามาให้อ่านกันเล่นๆ หนุกๆ  Smiley

________________________________________________________________________________________

ฝนตกแรง..ฟ้าร้องลั่น..ลั่น..ฟ้าผ่าเปรี้ยง..เปรี้ยงงงง

เรามาก่อนอารัยๆที่แปลกๆ..แต่ไม่เสียวกันมะ เหอๆๆๆ



เมื่อพูดถึงคำว่าแม่มดแล้ว...บางทีหลายท่านที่เป็นผู้หญิง อาจจะเคยนึกสนุกอยากมีเวทย์มนตร์ เอาไว้เสกนั่นเสกนี่บ้างก็ได้นะคะ ว่าแต่ว่า...ตามหลักสูตรว่าด้วยการเป็นแม่มดเนี่ย มันจะต้องร่ำเรียนอะไรที่ยากลำบากหรือแหวะๆ มั่งมั้ย

อา...แล้วคนที่จะเป็นแม่มดได้น่ะ ต้องมีคุณสมบัติไงมั่งล่ะ

บางสาระว่าด้วยแม่มด...อยู่ที่นี่ค่ะ ลองอ่านดูนะคะ แล้วจะทราบคำตอบ เฮะๆๆ



** แม่มด ดำ-ขาว **


เชื่อว่าทุกท่านคงรู้จักแม่มดกันดี ภาพลักษณ์ของแม่มดที่ติดตาเราดี มักเป็นหญิงแก่ แต่งกายด้วยชุดดำ มีความน่ากลัวและลี้ลับอยู่ในตัวเอง ชื่อของแม่มดก็บอกอยู่...ว่า ต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน แถมเป็นผู้หญิงชนิดพิเศษ สามารถใช้เวทย์มนตร์คาถา ขี่ไม้กวาดเหาะไปมาได้ แถมยังแบ่งแม่มดออกเป็น แม่มดดำ - แม่มดขาว คำว่า ดำ - ขาว เนี่ย ไม่ได้หมายถึงสีผิว แต่เป็นลักษณะของเวทย์มนตร์ที่แม่มดใช้ และต้นสังกัดที่บรรดาแม่เจ้าประคุณแม่มดทั้งหลายสังกัดอยู่ต่างหาก


แม่มดดำ คือพวกที่เคารพบูชาซาตาน ( Satan ) และใช้เวทย์มนตร์โดยอาศัยความช่วยเหลือ จากบรรดาภูตร้ายวิญญาณชั่ว สตรีชาวฝรั่งทั้งหลายที่ฝึกเวทย์มนตร์คาถาแนวนี้ นับเป็นแม่มดดำทั้งหมด...



ส่วนแม่มดขาว เป็นพวกที่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ ( Supreme being ) หรือไม่ก็อาศัยความช่วยเหลือจาก นางฟ้า นักบุญ รวมไปถึงวิญญาณของคนที่มีคุณธรรม และนี่แหละคือ...คำจำกัดความของแม่มดแบบตะวันตก



คำว่า "Witch" หรือแม่มดแผลงมาจากคำว่า "wit" ในภาษาแองโกลแซกซอน หมายถึง -To know หรือหยั่งรู้ - ต้องการรู้ ดังนั้น แม่มดจึงหมายถึงพวกที่ต้องการศึกษาหาความรู้ ( ในศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ ) อาจจะด้วยแนวทางที่มีคุณธรรมหรือชั่วร้ายก็ได้


ความแตกต่างระหว่างแม่มดดำกับขาวคือ แม่มดขาวจะยึดศาสนาเป็นที่ตั้ง บางครั้งแม่มดขาวเองก็อาจก่อตั้งศาสนาสาขาใหม่ เพื่อชี้นำกลุ่มชน ให้ยึดหลักและแนวปฏิบัติที่ดีกว่าสำหรับชีวิต


ส่วนแม่มดดำจะบูชาซาตาน รวมทั้งคลุกคลีอยู่กับภูตผีตัวร้ายต่างๆ อย่างเช่น แพน หรือ ลิลิธ-ราชินีแห่งรัตติกาล แม่มดดำมักจะแสวงหาความรู้ที่สลับซับซ้อนมากกว่าที่จะ แสวงหาความสงบแห่งจิตใจ


ตามปกติแม่มดจะไม่สำแดงมนตราออกมาอวดใครง่ายๆ นอกจากเพื่อลองวิชา บางทีการทำหุ่นขี้ผึ้งจำลองคนบางคน แล้วเอาเข็มจิ้มเล่นเพื่อให้ทรมานนั้น ก็หาได้เกิดจากความแค้นของแม่มด แต่เพื่อลองวิชาสนุกๆไปซะงั้น


และถึงจะเป็นแม่มดก็ยังต้องกินข้าว...แม่มดเองต้องทำมาหากินเหมือนกับคนทั่วไป รายได้ของแม่มดส่วนใหญ่มาจากค่าตอบแทนในการทำพิธีไสยศาสตร์ และการขายเครื่องรางของขลัง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะไม่คำนึงว่าใครจะเดือดร้อนจากการกระทำนี้บ้าง...



--------------------------------------------------------------------------------------**

 * กว่าจะมาเป็นแม่มด... *


แม่มดขาวส่วนใหญ่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง ทั้งนี้อาจจะมาจากความใกล้ชิดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ หรือ จากคัมภีร์โบราณทางศาสนา มีแม่มดขาวบางคนเท่านั้นที่อาจรับศิษย์สำหรับถ่ายทอดวิชา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่...


ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับแม่มดดำ แม่มดดำส่วนมากจะยินดีรับศิษย์ ซึ่งส่วนใหญ่ศิษย์ของแม่มดจะได้รับสิ่งตอบแทนคือ ได้รูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์สำหรับเพศตรงข้าม ทว่า...ใช่จะได้รับกันมาฟรี สิ่งที่ต้องแลกกับความงามก็คือ การไม่สามารถมีทายาทได้ รางวัลของการเป็นแม่มดดำอีกอย่างก็คือ การมีอายุที่ยืนยาวเป็นร้อยๆปี...ถึงอย่างนั้นก็ตาม มนตร์ดำไม่ใช่ครรลองที่ถูกต้องตามธรรมชาติ แม่มดดำทุกคนมักจะพบกับจุดจบที่อเน็จอนาถและทรมานเป็นส่วนใหญ่ อันเป็นผลจากจากการกระทำชั่วร้ายต่างๆนาๆ ที่ผ่านมา


สำหรับการเรียนวิชาแม่มดนั้น...จะเริ่มตั้งแต่อายุเท่าใดก็ได้ โดยนับตั้งแต่วัยสาวเป็นต้นไป ระยะแรกนั้นจะเริ่มจากคาถาง่ายๆ เช่น การใช้เวทย์มนตร์ทำเสน่ห์ การสาปให้พืชผลเ่ยวเฉาและเป็นโรค รวมถึงการมองเห็นอนาคต ( ที่ร้ายๆ ) พอวิชาแก่กล้าขึ้น...ก็มาถึงการทำให้ลอยตัวในอากาศ หรือ เหาะโดยไม่ต้องอาศัยไม้กวาด ขั้นต่อไปก็คือการแปลงร่างให้เป็นสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงการฝึกคาถาขั้นสูง เพื่อให้มีอำนาจเหนือมนุษย์ทั่วไป


ว่ากันว่า ความยากของการเรียนวิชาแม่มดนั้นมาจากการไม่มีตำรา ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม สูตรยา หรือ เวทย์มนตร์ ล้วนต้องถ่ายทอดกันแบบปากเปล่า การจะเป็นแม่มดดำที่เก่งฉกาจได้ จำต้องอุทิศตนให้กับซาตานผู้เป็นนายแห่งความมืดเสียก่อน


อิซโซเบล ดาวดี ( Isobel Dowdie ) แม่มดสาวผู้อื้อฉาวแห่งสก็อตแลนด์ ในสมัยศตวรรษที่ 17 เปิดเผยถึงพิธีกรรมของแม่มดว่า ผู้ที่สมัครใจจะเป็นแม่มดต้องไปยืนเปลือยกายต่อหน้าพยานหลายคน โดยปฏิญาณตนว่า...จะยอมเป็นข้าช่วงใช้ และขายวิญญาณให้กับซาตาน หรือมารร้ายจากโลกมืด...



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แม่มดจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อย...ซึ่งเรียกกันว่าชมรมแม่มด โดยแม่มดสาวที่เข้ามาใหม่ จะได้เป็นแค่สมาชิกสมทบ เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกถาวรตายลง จึงจะได้เป็นสมาชิกถาวร

แม่มดแต่ละกลุ่มจะมีกัน 13 คน เพราะถือเป็นเลขสวยสำหรับผู้บูชาความมืด กลุ่มแม่มดจะมาชุมนุมกันเดือนละครั้งในคืนวันเพ็ญ และร่วมชุมนุมแม่มดกลุ่มต่างๆปีละสี่ครั้ง ล้วนเป็นวันสำคัญทางศาสนาทั้งสิ้น...ได้แก่วัน Candlemas( 2 ก.พ. ) วัน Walpergist Night( 1พ.ค. วันต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ) วัน Rammas Day ( วันฉลองการเก็บเกี่ยวประจำปี ) และครั้งสุดท้าย...ซึ่งเป็นครั้งที่สำคัญที่สุดของปี คือวันที่ 31 ตุลาคม อันเป็นวันฮัลโลวีน


ตำนานของชาวบุโรปกล่าวว่า ใครที่เกรงกลัวแม่มดสามารถหลบหลีกได้ ด้วยการอยู่แต่ในบ้าน โดยเฉพาะในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง...หรือคืนที่พวกแม่มดมีงานชุมนุมประจำปี แม้ว่าแม่มดดำทุกคนจะไม่รังเกียจ หากบุคคลภายนอกจะเข้าร่วมพิธีด้วย แต่มีกฏข้อบังคับอยู่ว่า สมาชิกทุกคนจะต้องเปลือยกายหมด ต้องบูชาซาตาน มีการดื่มกินกันอย่างมูมมาม ตลอดจนมีการประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะกับใครๆในกลุ่ม อย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์...เง๊อออ (- - ")


แม้ว่าคนทั่วไปจะมีความเกลียดและกลัวแม่มด แต่ของขลังของแม่มดก็มีอิทธิฤทธิ์ชะงัดนัก มีเรื่องเล่าว่า เส้นใยจากเชือกที่เพชรฆาตใช้แขวนคอนักโทษ สามารถรักษาผิวหนังแตกหน้าท้องลายได้ชะงัดนักแล...สำหรับใครที่เบื่ออาการขี้บ่นของแม่ยายและภรรยา สามารถไปขอราที่ขึ้นบนหลุมฝังศพกับแม่มด มาผสมน้ำให้พวกหล่อนดื่ม จากนั้นทั้งคุณแม่และแม่คุณทั้งหลายจะว่านอนสอนง่ายขึ้นอีกอักโข สำหรับใครที่มีภรรยาอยู่ไม่ติดบ้าน แม่มดก็ยังอุตส่าห์มียาแก้...ยาที่ว่าคือขนเพชรของมัมมี่ ( ไปเอามาได้ยังไงเหนี่ยะ ? ) รับรองจะกลายเป็นคนหงิมติ๋มศรี อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไปเลย


ดังที่กล่าวกันไปแล้วในตอนต้น...ว่าแม่มดมักจะไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆทั้งสิ้น ขอเพียงมีคนว่าจ้าง แม่มดก็จะจัดการ "เชือด" เหยื่อให้มีอันเป็นไปสมประสงค์ของผู้จ้าง วิธีการที่นิยมกันคือสร้างหุ่นขี้ผึ้งขึ้นมา จากนั้นก็เอาเข็มปักตามอวัยวะต่างๆทีละเล่มๆ ครบสิบสามเล่มเมื่อไหร่...ก็เป็นอันตายเมื่อนั้น


และไม่ว่าแม่มดจะมีจริงหรือไม่ก็ตาม ในยุคกลางของยุโรปหรือที่เราเรียกกันว่ายุคมืดนั้น ก็มีการล่าแม่มดกันอย่างโจ๋งครึ่มและครึกโครม...เช่น สมมุติว่าเกิดเหตุผิดธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่น อาทิ ฝนไม่ตก โรคระบาด สิ่งแรกที่คนสมัยนั้นจะนึกถึงก็คือแม่มด พวกชาวบ้านจะระดมกำลังกันตามล่าหาผู้ต้องสงสัย และส่วนใหญ่มักหาแพะรับบาปพร้อมหลักฐานได้จำนวนหนึ่ง แม้ว่าบางทีหลักฐานนั้นจะดูไม่สมเหตุสมผลก็ตาม เช่น แค่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวไว้ในบ้าน...หรือหญิงแก่ไร้ญาติบางคน ซึ่งมีแค่แมวตัวเดียวเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา ก็มักจะถูกหาว่าเป็นแม่มด และถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าเอน็จอนาถ หรือหญิงสาวบางคนที่สวยเกินหน้าเกินตาหญิงชาวบ้านร้านตลาด ก็โดนอีก...ข้อหาเป็นแม่มด เพราะสงสัยว่าจะเอาวิญญาณเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่ามอง แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุณกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างว่า " สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต " -Thou shlt not a suffer a witch to live .


ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เกิดการทารุณกรรมคนที่ถูกกล่าวหาหนักข้อขึ้นไปอีก...มีทั้งเฆี่ยนประจาน ทรมานด้วยวิธีต่างๆตามแต่จะนึกออก ใครที่ทนไม่ไหวก็จำต้องรับสารภาพ เพื่อจะได้ตายด้วยวิธีที่ไม่ทรมานอะไรเล๊ย...นั่นคือการเผาทั้งเป็น!!!



เสริมเกี่ยวกับแม่มด

ทำไมแม่มดถึงชอบอยู่กับแมวดำ

ลางร้าย ภัย อาถรรพณ์ ในคติความเชื่อโบราณ เปรียบดังเงาร้าย ที่เชื่อว่าหากเข้าใกล้ชีวิตเรา จะหาความสุขไม่ได้ มีทุกข์ภัยที่ประดังเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน ในบรรดาลางร้ายที่แสดงออกมาในรูปแบบต่าง ๆ นั้น "แมวดำ" จัดเป็นหนึ่งในตัวแทนแห่งลางร้าย

ความเชื่อเรื่องแมวดำ ไม่ได้มีระบุที่มาแน่ชัด หากเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ที่นักประวัติศาสตร์ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ เนื่องจากคติความเชื่อเรื่องแมวดำไม่ได้มีเฉพาะในไทยเท่านั้น หากมีในหลากชาติหลายภาษาโดยในตำนานเก่าแก่ของอินเดียโบราณ เชื่อว่า แมวดำเป็นสัตว์ผี เป็นพาหนะของพระษัษฐี เทวีแห่งความตายของทารก หรือ ผีแม่ซื้อประจำตัวเด็กในวันที่ 6 ซึ่งพระษัษฐีเป็นเทวีที่มีอิทธิฤทธิ์ หากใครเห็นแมวดำที่ไหน มักต้องเห็นพระษัษฐีปรากฏกายที่นั่น และจะมีเด็กหรือคนตายที่นั่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในงานศพจะระมัดระวังไม่ให้แมวมาถูกต้องศพ ด้วยเชื่อว่าจะเกิดมนทินกับศพนั้น ๆ ไปตลอด และในคติความเชื่อของจีนโบราณ ถือว่าหากแมวข้ามศพ ผีนั้นจะดุร้ายมาก ต้องเอาตะไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ จึงจะไม่เป็นไร เช่นเดียวกับในความเชื่อของแขกมาลายู ที่ต้องเอาตะไกรหนีบมาวางบนอกศพ เผื่อว่าแมวกล้ำกรายเข้ามาใกล้ศพหรือถูกศพ เหล็กตะไกรจะเป็นเครื่องบังคับไม่ให้ศพลุกขึ้นมา กลายเป็นผีร้าย เป็นที่หวาดเกรงของชาวบ้านได้

แมว จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีมากกว่าความเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดา ในแง่ที่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของคน เป็นตัวแทนความศักดิ์สิทธิ์ และเหนือจริง จนมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า "หากฆ่าแมวสักตัวถือว่าบาปหนักหนา เท่ากับฆ่าเณรรูปหนึ่งเลยทีเดียว"

********เวทมนตร์เสื่อมเพราะผู้คนลืมมัน********






เครติด : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1190258



ถึงแม้ว่าจะยิ่งใหญ่ในสายตาของใครหลายๆคน
มันก็ไม่มีค่าเท่ากับ การที่คนที่เรารักยังเห็นเราอยู่ในสายตา
เลสตัวแม่
Hero Member
*****
กระทู้: 6,747


Re: เรื่องของแม่มด (อาจจะเคยอ่านแล้ว)
« ตอบ #1 เมื่อ: 17-02-2010, 16:13:30 »

อยากเป็นมั่ง แต่ให้ยืนโป๊... ไม่เอาอ่า(-__-'' )
ป้าย:
หน้า: [1]