นิยาย นิทาน กะว่าไม่ให้ยาวมาก เอาสัก 10 ตอนจบน่าจะดี
เรื่องราวในนิยายนี้จะเรียกว่าแฟนฟิคเกมส์อสุราหรือเปล่าไม่รู้
แต่เป็นการนำเรื่องราวตั้งแต่เริ่มเล่นอสุรามาเขียน ผ่านมุมมองของตัวละครบ๊องๆ
ที่เริ่มต้นจากนักรบฝึกหัดน้อยสู่นักล่า นักฆ่า ในปัจจุบัน
ทั้งเรื่องเฮาฮา บ๊องๆ รั่วๆ สุข เศร้า เคล้าน้ำหมากจ้า
***********************************
นิยายปรัมปรา อสุราวุ่นวาย ตอน จุดเริ่มต้นของ…
เมื่อความลับไม่มีโลก เมื่อเงาแห่งดินแดนลึกลับเข้าครอบงำ ‘บางอย่าง’ จึงนำพาให้ เขา เธอ และพวกเราได้พบกัน เหนือขีดจำกัดของโลกที่เรียกตนเองว่า ‘อสุรา’
บทที่1
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากบ้านน้อยหลังหนึ่งริมแม่น้ำพริ้นญ่า เมื่อคนตะโกนเสียงดังด้วยความหงุดหงิดใจกระแทกตัวลงนั่งบนศาลาริมน้ำ
“ข้าเบื่อๆ เบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
“เบื่อก็ไปหาอะไรทำสิ มาบ่นอยู่ทำไม” คนถูกบ่นใส่ว่าเข้าให้ก่อนจะไล่เจ้าคนบ่นมากเสียอย่างนั้น
“เจ้าบอกให้ข้าไปหาอะไรทำ แล้วเจ้าจะให้ข้าไปทำอะไรล่ะเซฟีน่า?”
เจ้าของนามเซฟีน่าถอนหายใจพรืดแล้วจึงย้อนถามกลับไป
“เอางี้ เจ้ารู้จักดินแดนอสุราหรือเปล่า?”
“ดินแดนอะไรชื่ออสุรา”
“ก็ดินแดนอสุราแหละ อยู่ในประเทศดีบัส” คนตอบเริ่มเห็นรำคาญเข้าไปทุกขณะกับเจ้าตัวที่ชอบบ่นมากแถมถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องไปเสียหมด
“ชื่อดินแดนอะไรประหลาดจริง ในนั้นคงมีแต่ตัวประหลาดแน่ๆ” เจ้าตัวคนออกความเห็นไม่ออกเปล่าแถมวิจารณ์เพิ่มเข้าให้อีกด้วย “แต่ว่านะชื่อดินแดนประหลาดแล้ว แต่ชื่อประเทศยิ่งประหลาดหนักเข้าไปอีก”
“พูดมากน๊า เอ้าตกลงตอบมาได้แล้วว่ารู้จักหรือเปล่า”
“ไม่รู้”
“อยากทดลองไปมั้ย”
“จะไปทำไม มีอะไรน่าสนใจ” เจ้าตัวดีย้อนถามกลับดื้อๆ
“อยากรู้ก็ไปดูเอาเองสิ”
“ไปยังไง?”
คนถูกถามกระตุกยิ้มมุมปากให้ก่อนจะส่งหนังสือสารานุกรมเล่มหนาหน้าปกเขียนชัดเจนถึงดินแดนที่กล่าวถึงจากนั้นก็บอกด้วยน้ำเสียงปนสนุกสนาน
“เปิดหนังสือนี่ แล้วเจ้าจะรู้เอง”
“แค่หนังสือเนี่ยนะ ไม่เห็นจะยาก ข้าเปิดก็ได้”
แรกเปิดผ่าน หน้าของหนังสือก็พลันส่งแสงเรืองรองออกมา ดินแดนที่ถูกเอ่ยขานว่าอสุราก็ปรากฏขึ้นเป็นภาพมายาเบื้องหน้า จวบจนกระทั่งภาพนั้นหายไป ร่างของคนเปิดหนังสือก็อัตรธานไปพร้อมกัน ราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ ณ ที่แห่งนี้มาก่อน!
หากเหนือสุดขึ้นไปด้านบนของดินแดนที่เรียกว่ามนุษย์ วิหารฝึกหัดลอยตระหง่านอยู่บนนั้น ร่างของนักรบฝึกหัดที่ถูกฟ้าสั่งนามลงมาว่า ‘ซาเนียร์’ ก็ถูกทิ้งดิ่งลงมาบริเวณริมวิหารอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อ๊าย...ที่นี่ที่ไหนกันละเนี่ย!”
คำถามนั้นไร้ซึ่งคำตอบ แต่จากสมองอันน้อยนิดและความเข้าใจส่วนตัวแล้ว ทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าที่นี่คือส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นเดินทางไปยังสถานที่ที่เรียกว่าดินแดนอสุรา
“ให้ตายเถอะ! ยัยเซฟีน่า ให้ข้าเปิดหนังสือแพลงๆ จนเข้ามาอยู่ในดินแดนนี่ แล้วข้าจะออกไปได้ยังไงเล่าปัดโธ่!”
ซาเนียร์บนโขมงโฉงเฉงแล้วจึงเริ่มมองดูตัวเองหัวจรดเท้าก่อนจะเริ่มบ่นใหม่ “โอ้ย ตายแล้ว นี่มันชุดอะไรกันละเนี่ย กระโปรงก็สั้น ถุงมือนี่อีก!
นางเอาแต่บ่นและบ่นจนกระทั้งลานสายตาปะทะเข้ากับเจ้าหน้าที่สาวสวยนาม ‘อควาเมทีส’ ซึ่งยืนอยู่อยากลางวิหารซึ่งล้อมรอบไปด้วยเสาสูงหายต้น ผู้มาเยือนมองนางครั้งแรกอย่างพิจารณาพร้อมกับข้อสงสัยที่ผุดขึ้นในใจ เมื่อเห็นว่าบนศีรษะของนางประดับด้วยปีกแสนสวย ที่ผู้พบเห็นชวนให้สงสัยว่า...
(คงมีสักวันที่นางบินได้)
และแล้วนางก็เริ่มอธิบายต่างๆ นาๆ ให้ฟังอย่างยาวเหยียด หากเหลือบมาอีกครั้งนักรบฝึกหัดก็นั่งหลับไปเสียแล้ว ทำเอาอควาเมทีสถึงกับตีหน้าหงิกใส่
“นี่เจ้าตั้งใจฟังข้าบ้างมั้ยเนี่ย”
“ฟังสิ ฟังจนลิงหลับเลย” ซาเนียร์ตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนอยู่บนวงกลมแสงแดง แล้วจึงถามอควาเมทีสกลับไป
“เอาละข้าทำตามที่เจ้าบอกแล้ว ทีนี่ข้าก็กลับออกไปจากดินแดนนี่ได้แล้วใช่มั้ย”
“เปล่าเลย มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น”
อควาเมทีสตอบพลางส่งเสียงหัวเราะคล้ายจะสมน้ำหน้าตัวโวยวายที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่านางกำลังจะได้ไปเจอกับอะไรอีกหลายอย่างที่รออยู่ภายใน
นั้น!
“เพิ่งเริ่มต้น
“ใช่ มันก็แค่เพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง”
“แล้วข้าจะออกไปจากดินแดนนี้ได้ยังไง” ซาเนียร์ถาม คิ้วเริ่มขมวดมุนมากขึ้น หงุดหงิดตัวเองที่ไม่น่าเปิดหนังสือเจ้าปัญหาจนมาโผล่ที่นี่และหงุดหงิด
ไปอีกหลายอย่าง
“อะไรกัน เพิ่งจะมา ก็ถามหาทางออกแล้วเหรอ เจ้านี่ใจไม่สู้เลยนะ” อควาเมทีสถามเสียงหยัน
“อย่ามาดูถูกข้านะ! ซาเนียร์แว้ดใส่
“งั้นเจ้าก็ต้องทำให้ข้าถอนคำพูดให้ได้” อควาเมทีสเสนอและนึกอยากดูน้ำหน้าอย่างผู้ที่หลงเข้ามาด้วยว่าจะสามารถขนาดไหน
“แล้วต้องทำยังไง”
“เจ้าจงไปสู่หนทางแห่งอสุรา หนทางอันแสนยาวไกล ทั้งมืดมดและส่องสว่าง ทั้งราตรีกาลและสนธยาทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่า นั้นคือเส้นทางที่เจ้าต้องไป...”
To be continue