GAMEINDY: Asura Online
หน้า: [1]
ผู้เขียน หัวข้อ: มัจจุระคีตะ : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม ; กาฬประจักษ์  (อ่าน 783 ครั้ง)
La lluvia
Full Member
***
กระทู้: 524

ได้อย่าง เสียอย่าง


มัจจุระคีตะ : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม ; กาฬประจักษ์
« เมื่อ: 18-11-2009, 19:30:20 »




มัจจุระคีตะ  : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม
โดย  กาฬประจักษ์






***********************


จงหลับตาลงเถิด...ในราตรีมืดมิดและเหน็บหนาว
ใต้ผ้าห่มอุ่นไอตะวัน บนที่นอนนุ่มราวปุยฝ้าย

จงหลับตาลงเถิด...ฉันจะขับกล่อมเธอด้วยคีตะแห่งรัตติกาล
สดับทำนองที่หาใดไม่ได้ในโลกนี้

จงหลับตาลงเถิด...แล้วเดินทางสู่ความฝันอันแสนหวาน
ไปยังดินแดนมหัศจรรย์ ณ ถนนขนนกสีขาว จุดสิ้นสุดแห่งปลายฟ้า

จงหลับตาลงเถิด...ในอ้อมแขนของฉันและรอยจุมพิต
ลมหายใจของฉันที่รดรินกายเธอ

จงหลับตา.........ลงเถิด

ก่อนที่เธอจะไม่ได้หลับอีก...ตลอดกาล

จงหลับตา...เถิด


***********************


เกรียนจัง ตังอยู่ครบ
La lluvia
Full Member
***
กระทู้: 524

ได้อย่าง เสียอย่าง


Re: มัจจุระคีตะ : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม ; กาฬประจักษ์
« ตอบ #1 เมื่อ: 19-11-2009, 19:56:42 »


**********************

   เสียงสายลมพัดหวีดหวิวผ่านหลังคาบ้านร้างในโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี บ้านหลังนี้ถูกปล่อยให้รกร้างมาตั้งแต่หมู่บ้านสร้างเสร็จใหม่ๆ ด้วยคำร่ำลือถึงความเฮี้ยนของวิญญาณคนงานก่อสร้างสาวที่ถูกฆ่าโบกปูนภายในบ้าน จนเพื่อนบ้านต้องพากันย้ายหนีไปหมู่บ้านอื่น ท้ายที่สุดบ้านในบริเวณนั้นก็ถูกทิ้งให้รกร้างโดยสิ้นเชิง เหลือแต่เพียงบริเวณหน้าโครงการเท่านั้นที่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ แม้เงาแห่งความหวาดผวาจะกล้ำกลายอยู่เรื่อยมาก็ตาม

   ศจีพร เปิดหน้าต่างบานหนึ่งออกรับลม กลิ่นอับชื้นของบ้านผีสิงทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ก้าวแรกที่เธอเข้ามาบ้านหลังนี้เธอก็รู้สึกถึงแรงกดดันราวกับสุนัขป่าที่พร้อมขย้ำเหยื่อได้ตลอดเวลา ความเงียบเข้าจู่โจมโสตประสาทของผู้ที่ก้าวเข้ามาให้แทบหยุดลมหายใจ
   แม้ในใจของศจีพรอยากวิ่งออกไปให้ไกลจากบ้านหลังนี้เพียงใด แต่เธอก็ไม่อาจออกไปจากบ้านได้
เพราะนี่คือภารกิจ
ภารกิจสุดท้ายที่ศจีพรและเพื่อนร่วมกลุ่มอีกสามคนจะต้องทำพิธีกรรมท้าทายวิญญาณเฮี้ยนในบ้านหลังนี้ หากพวกเธอสามารถอยู่ได้จนรุ่งเช้า กลุ่มของเธอจะได้เงินรางวัลคนละหนึ่งล้านบาทและเป็นผู้ชนะในการแข่งเรียลรีตี้สยองขวัญ “ล่าท้าวิญญาณ” ที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งจัดขึ้นโดยมีดีเจชื่อดังแห่งคลื่นวิทยุโกสต์เอฟเอ็มเป็นพิธีกรรายการ
ผู้สมัครเข้าแข่งขันมีมากมาย แต่ก็ทยอยตกรอบไปโดยแต่ละคนต่างมีริ้วรอยแห่งความหวาดกลัวในหัวใจทั้งสิ้น ภารกิจล่าท้าวิญญาณที่เข้มข้นตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบสุดท้าย ความน่ากลัวและความเฮี้ยนของสถานที่ทำภารกิจเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
ภารกิจสุดท้าย...บ้านร้างในโครงการหมู่บ้านกาญจนบุรีซิตี้

*********************

สี่ชั่วโมงก่อน...
ดีเจป๋องแป๋ง พิธีกรรายการ ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้ศจีพร เธอรับไปอ่านด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“นี่คือภารกิจสุดท้ายที่น้องศจีพรกับเพื่อนต้องไปล่าท้าวิญญาณกัน” ดีเจป๋องแป๋งกล่าว
“ประวัติบ้านอยู่ในเอกสารทั้งหมดแล้ว น้องลองเอาไปอ่านนะ”
เขาล้วงลงไปในกระเป๋า หยิบซองกระดาษสีน้ำตาลปิดผนึกยื่นให้ศจีพร
“ส่วนนี่ คือสิ่งที่ใช้บอกกติกาที่ในรอบนี้ อย่าเพิ่งเปิดจนกว่าจะเข้าไปในบ้านหลังนั้น”
“น้องมีเวลาหนึ่งชั่วโมง ในการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง เดี๋ยวจะมีรถตู้มารับ ขอให้ทุกคนโชคดี”
........................

“ฉันถอนตัวตอนนี้ทันมั้ย” อรอนงค์ เพื่อนในกลุ่มกล่าว
ทุกคนหันไปมองด้วยความสงสัยและถามเกือบพร้อมกัน
“ทำไมล่ะ ?”
อรอนงค์อ่านประวัติบ้านร้างอีกครั้ง แล้วยื่นให้ วรรณษา
“ประวัติบ้านหลังนี้มันน่ากลัวนี่นา พวกเธอดูรูปนี้สิ” อรอนงค์ชี้ไปที่รูปตอนหน่วยกู้ภัยเก็บศพของคนงานในบ้านหลังนั้น
“ดูสภาพศพของแต่ละคนสิ ที่นั่นมันนรกชัดๆ”
วรรณษาถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในรูปมีศพของคนนับสิบ ที่สภาพการตายไม่ใช่ตายโดยธรรมชาติอย่างแน่นอน
ศพหนึ่งลำตัวบิดมาด้านหลังจนซี่โครงทะลุ อีกศพแขนขาหักจนดูเหมือนตุ๊กตาถูกแขวนไว้กับราวบันได อีกหลายศพที่คอหักจนบิดได้รอบ แต่ทุกศพที่เหมือนกันคือใบหน้าที่บิดเบี้ยวบ่งบอกถึงก่อนตายได้ประสบเหตุการณ์ที่ทำให้หวาดกลัวสุดขีด
เธอวางเอกสารลงบนตัก แล้วปรับเบาะให้เอนลง
“พวกเธอรู้มั้ยว่าบ้านที่เรากำลังจะไป มันไม่ใช่บ้านผีเฮี้ยนของวิญญาณคนงานสาวแค่คนเดียวนะ ยังมีวิญญาณเฮี้ยนของคนพวกนี้อีก อ่านประวัติดูสิว่าทางโครงการเค้านิมนต์พระมาทำพิธีกี่ครั้งๆ ก็ไม่เกิดผลดีอะไรขึ้นมาเลย”
“แต่พวกเราก็ฝ่าฟันภารกิจมาทั้งหมดแล้วนี่ ถ้าเรามายอมแพ้ตอนนี้แล้วที่เราทำมาก็เสียเปล่าน่ะสิ” ชัยพล ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเปรย
“อย่างน้อยประสบการณ์จากรอบที่ผ่านมา มันก็คงทำให้เราเอาตัวรอดในภารกิจครั้งนี้ได้ ยังไงเราก็ต้องเชื่อมั่นในตัวศจีพรนะ” ชัยพลกล่าว ที่ผ่านมาหากไม่ได้ศจีพรพวกเขาคงตกรอบตั้งแต่แรกแล้ว
“ฉันว่าเราควรพักผ่อนก่อนดีกว่านะ คืนนี้ไม่รู้จะต้องเจออะไรบ้าง” ศจีพรตัดบท
ศจีพรมองออกไปนอกรถ วันนี้โชคดีที่รถไม่ติดมากอาจทำให้ไปถึงที่หมายได้เร็วกว่ากำหนดการณ์ เธอค่อยๆ ปรับเบาะแล้วพยายามข่มตาลง เวลาเดินทางสองชั่วโมงเธอควรพักผ่อนให้มากเพื่อรับมือกับค่ำคืนหฤโหด ครู่เดียวเธอก็ม่อยหลับพร้อมกับเพื่อนๆ แต่ในมือของเธอยังคงกุมซองกระดาษสีน้ำตาลไว้แน่น

*******************************


“ได้เวลาแล้ว ศจีพร” เสียงของอรอนงค์ดังขึ้น เรียกศจีพรให้ตื่นจากภวังค์
“ได้เวลาอ่านกติกาแล้ว”
ศจีพรมองดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ห้าโมงครึ่งแล้ว ได้เวลาเปิดซองภารกิจ เธอเรียกทุกคนให้มารวมตัวกันในห้องโถงกลาง
เธอค่อยๆ แกะซองออก แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งออกมาจากในซอง เมื่อทุกคนพร้อมแล้วศจีพรกดปุ่มสีแดงเพื่อเปิดเครื่อง แล้วโทรหาหมายเลขที่บันทึกไว้ในชื่อ กติกาสยอง
“ขอแสดงความยินดีกับคุณศจีพร คุณอรอนงค์ คุณวรรณษา และคุณชัยพล ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของเรียลริตี้สยองขวัญ ล่าท้าวิญญาณ และภารกิจสุดท้ายนี้ พวกคุณจะต้องประกอบพิธีกรรมลบหลู่วิญญาณในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนในภารกิจใดๆ และในภารกิจสุดท้าย พวกคุณคนใดคนหนึ่งจะต้องไม่ออกมาจากบ้านหลังนี้จนกว่าจะมีทีมงานเข้าไปรับในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น หากสำเร็จ ทุกคนจะได้เงินรางวัลคนละหนึ่งล้านบาท แต่หากมีคนใดคนหนึ่งหรือทั้งกลุ่มพยายามออกจากบริเวณบ้านภายในคืนนี้ จะถือว่าภารกิจสิ้นสุด และพวกคุณจะต้องกลับบ้านในฐานะผู้แพ้โดยไม่ได้เงินรางวัลใดๆ กลับไปด้วย” เสียงของดีเจป๋องแป๋งดังจากโทรศัพท์อย่างชัดเจน เธอมองหน้าเพื่อนๆ อย่างไม่สบายใจเท่าไรนัก โดยเฉพาะสีหน้าของอรอนงค์ที่รู้ว่ามีพิธีกรรมลบหลู่วิญญาณ
ศจีพรกุมมืออรอนงค์ไว้ ปลอบประโลมว่าไม่เป็นไร
“ผมคิดว่าทุกคนคงสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตภายในบ้านหลังนั้นแล้ว ผมมีเวลาให้พวกคุณห้านาที ในการทบทวนอีกครั้งว่าต้องการเล่นเกมนี้หรือไม่ หากยอมแพ้ขอให้ทุกคนเดินออกมาจากบ้านแล้วขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่หน้าบ้านแล้วเราจะส่งทุกท่านกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ไม่ได้เงินรางวัลใดๆ แต่ยังยืนยันที่จะเล่นต่อ ให้ทุกคนพูดว่า ‘เราจะเล่นเกมต่อ’ พร้อมกัน”
ทุกคนมองหน้ากันและพยักหน้า มาถึงตอนนี้ไม่มีคำว่าถอยกลับอีกแล้ว
“เราจะเล่นเกมต่อ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นผมจะให้รถตู้ออกมาจากที่นั่นมายังตัวเมือง นับจากนี้หากเกิดอะไรขึ้นพวกคุณจะต้องแก้ไขกันเอง โทรศัพท์เครื่องนี้จำกัดการโทรไว้ที่ห้าครั้ง รวมครั้งนี้คุณจะเหลืออีกสี่ครั้งเท่านั้น นับจากนี้ไปคุณจะได้พบทีมงานก็ต่อเมื่อรุ่งเช้าหรือขอยุติการเล่นเกมเท่านั้น”
“บ้านหลังนี้ติดกล้องวงจรปิดไว้สี่สิบตัว ไม่ว่ามุมใดในบ้านทางทีมงานและผู้ชมทางบ้านจะมองเห็นทั้งหมด ซึ่งนับแต่ก้าวแรกที่คุณเดินเข้ามาในบ้าน ทีมงานของเราได้ทำการบันทึกภาพและถ่ายทอดสดในช่อง 66 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นช่วงเวลา 14 ชั่วโมงที่พวกคุณจะต้องทำภารกิจ จะมีสายตาผู้ชมนับล้านที่กำลังจับจ้องคุณอยู่”
“พล่ามมากจริง” ชัยพลบ่นอุบอิบ
“สิ่งคุณจะต้องทำต่อไปนี้คือ....” ดีเจป๋องแป๋งลากเสียงยาว “จงอ่านประวัติบ้านหลังนี้ให้ผู้ชมทางบ้านฟัง”
ศจีพรหยิบประวัติบ้านออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วยื่นให้วรรณษาอ่าน วรรณษารับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านในโครงการกาญจนบุรีซิตี้ และถูกปล่อยร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2541 เพราะมีคนงานสาวคนหนึ่งถูกคนงานต่างด้าวข่มขืนและฆ่าโบกปูนตรงผนังทางลงบันไดชั้นใต้ดินของบ้านหลังนี้ เมื่อสร้างเสร็จวิศวกรได้มาตรวจงานแล้วสังเกตว่ามีน้ำไหลออกมาจากผนังจึงให้ช่างของโครงการมาตรวจสอบ และได้พบศพหญิงสาวอยู่ด้านใน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาสืบสวนและออกหมายจับชาวต่างด้าวแปดคน แต่หลังจากพบศพหญิงคนนั้นเพียงสองคืน ผู้ต้องสงสัยชาวต่างด้าวอดีตคนงานก่อสร้างทั้งแปดคน ได้เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ตรงจุดที่พบศพเหยื่อฆ่าโบกปูนในสภาพที่สยดสยอง จากนั้นเป็นต้นมาผู้อาศัยบ้านใกล้เคียงต่างก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นด้วยความหวาดกลัว จากนั้นเป็นต้นมาไม่เคยมีใครมายังสถานที่แห่งนี้อีกเลย”
วรรณษาวางประวัติบ้านลงบนพื้น จิตใต้สำนึกเธอบอกว่าไม่ควรมาสถานที่แห่งนี้เลย หากออกไปได้เธอจะไม่ย่ำกรายมาที่นี่อีกเด็ดขาด
“ทีนี้ผู้ชมทางบ้านคงได้ยินประวัติของบ้านหลังนี้แล้ว ต่อไปเป็นภารกิจที่พวกคุณจะต้องทำ โปรดฟังให้ดี” ดีเจป๋องแป๋งกล่าวพลางเปิดเสียงเอฟเฟคเบาๆ ชวนให้ขนลุก
“สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปนี้คือจงลงไปชั้นใต้ดิน ตรงมุมห้องจะมีอุปกรณ์ในภารกิจอยู่สามอย่างคือถังที่มีเลือดสุนัขอยู่ข้างใน ห่อผ้าสีขาวมีเทียนลงอาคมหนึ่งร้อยเล่มพร้อมทั้งเชิงเทียน และถุงแป้งสองถุง ให้ทุกคนเอาเลือดสุนัขทากำแพงตรงจุดที่พบศพ หากเลือดยังเหลือให้สาดลงบนพื้นห้องใต้ดินให้หมด จากนั้นให้ทุกคนโรยแป้งตามทางเดินตั้งแต่ชั้นใต้ดินขึ้นมาจนถึงห้องนอนชั้นบนที่พวกคุณจะต้องมาทำพิธี โดยในห้องโถงจะต้องโรงแป้งให้ทั่วพื้น เมื่อเสร็จแล้วให้พวกคุณจุดเทียนหนึ่งร้อยเล่ม ไม่ต้องกังวลเรื่องแสงสว่างเพราะเทียนที่เราใช้สามารถอยู่ได้ถึง 16 ชั่วโมง เมื่อจุดแล้วให้ทั้งสี่คนนั่งหน้ากระดานหันหน้าไปทางประตูห้อง เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่มตรงผมจะให้สัญญาณ จากนั้นให้ทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องผีเรื่อยๆ”
“และสิ่งที่สิ่งที่พวกคุณต้องทำต่อจากนั้นคือ พวกคุณจะต้องเล่าเรื่องผีที่น่ากลัวและสยองที่สุด โดยความน่ากลัวจะวัดจาก sms ที่ผู้ชมทางบ้านร่วมโหวต หากเรื่องใดคะแนนโหวตความน่ากลัวน้อย ระบบคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลต่างเป็นจำนวนตัวเลข แล้วให้ดับเทียนลงตามจำนวน ภารกิจสุดท้ายนี้ไม่ใช่ภารกิจพิสูจน์ว่าผีมีจริงหรือไม่เหมือนรอบที่ผ่านมา แต่มันคือภารกิจลบหลู่วิญญาณอาฆาตและต้องทนอยู่ให้ได้จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น สิ่งควรระวังคือพยายามอย่าให้เทียนดับลงทั้งหมด เพราะเทียนทั้งหนึ่งร้อยเล่มนี้ปลุกเสกโดยพระอาจารย์เทพแห่งวัดดอนฉิมพลี ที่มีชื่อเสียงในด้านขับไล่วิญญาณร้าย ภายใต้แสงเทียนสิ่งอัปมงคลทั้งมวลไม่อาจเข้ามากล้ำกลายพวกคุณได้ ทั้งนี้การจะอยู่รอดปลอดภัยใต้แสงเทียนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเรื่องเล่าของพวกคุณและผู้ชมทางบ้านเท่านั้นที่จะรู้คำตอบ ขอให้ทุกคนปลอดภัย” เสียงดีเจป๋องแป๋งจบลงพร้อมกับวางโทรศัพท์
อรอนงค์ถามตัวเองอีกครั้งว่าต้องการยืนยันเจตนารมณ์เดิมหรือไม่ กติกาในรอบนี้หากเธอเป็นวิญญาณสาวคนนั้นเธอคงไม่ให้อภัยผู้ที่มาลบหลู่ขนาดนี้ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำตามแต่โดยดี เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว พวกเขาเหล่านั้นอาจไปผุดไปเกิดแล้วก็ได้
ชัยพรเป็นคนนำทางลงไปชั้นใต้ดิน กลิ่นอับชื้นและสาปสางปนเปกันในอากาศ จนทุกคนต้องเอามือปิดจมูกไว้
“ทุกคนเข้าใจกติกาทั้งหมดแล้วนะ” ศจีพรกล่าว “14 ชั่วโมงจากนี้ พวกเราอาจจะต้องเจอกับค่ำคืนที่โหดร้ายที่สุดที่ไม่เคยเจอมาทั้งชีวิต แต่พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะยืดอกเดินออกไปรับเงินสี่ล้านอย่างภาคภูมิใจ”
“แล้วร้านกาแฟของฉันก็จะเป็นรูปเป็นร่างเสียที” วรรณษาเสริม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะปรากฏบนใบหน้าของทุกคนอีกครั้ง
“ในเมื่อพวกเรามาถึงจุดนี้แล้ว เราจะถอยได้ยังไง” อรอนงค์เริ่มมีความกล้าขึ้น
ทุกคนเดินลงไปชั้นใต้ดินอย่างปลอดภัย ไฟฉายส่องไปที่มุมห้อง อุปกรณ์ที่ทีมงานจัดไว้ให้มีอยู่ครบ
“พวกเรา เริ่มภารกิจได้” ศจีพรบอกกับเพื่อน
.................................

เสียงหัวเราะแผ่วเบาผ่านรอยแตกที่ผนังทางลงบันได มันเบาเสียจนไม่มีใครได้ยิน
นานแค่ไหนแล้วที่เธอต้องอยู่คนเดียว
ต้องเอามาเป็นเพื่อนให้ได้.....จะได้หายเหงาเสียที........
“หึหึ”

เกรียนจัง ตังอยู่ครบ
La lluvia
Full Member
***
กระทู้: 524

ได้อย่าง เสียอย่าง


Re: มัจจุระคีตะ : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม ; กาฬประจักษ์
« ตอบ #2 เมื่อ: 22-11-2009, 19:05:35 »

ปลดล็อคเเล้วครับ ฝากนิยายเรื่องนี้กับอีกเรื่อง Q-Soceity Online ด้วยนะครับ ^^

เกรียนจัง ตังอยู่ครบ
/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: มัจจุระคีตะ : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม ; กาฬประจักษ์
« ตอบ #3 เมื่อ: 26-11-2009, 21:22:29 »

เลือดสุนัขที่เอาไปลาดพื้นในเรื่องนี้ เอามาจากเรื่อง Psycho Memory เอิ๊กๆๆๆ (ฮา!!)

What Time is it....
Hero Member
*****
กระทู้: 5,137


นามเดิม SLEEP...zzzZZZ


เว็บไซต์
Re: มัจจุระคีตะ : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม ; กาฬประจักษ์
« ตอบ #4 เมื่อ: 27-11-2009, 00:59:52 »

บรรยายได้บรรยากาศมากๆ
พออ่านแล้วก็ได้บรรยากาศของหนังเรื่องล่าท้าผีกับรายการของพี่ป๋องรายการโปรดของผมเลย  Shocked
เอาไป 5 กระโหลก

Who am I...?
นามใน Asura - คิล(คิว)
นามบุพการีตั้งให้ - ป๊อป
แล้วแต่จะเรียก ตามสะดวกครับ ^^

Status:ออนได้แต่บอร์ด

พวกคุณบางคนบอกว่าเกลียดการล่าแม่มด
นั่นเป็นเพราะว่าคุณเป็นคนถูกล่ามาตลอด
แต่พอคุณได้เป็นผู้ล่าบ้าง
ก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับคนที่คุณเกลียดเลย



matic
La lluvia
Full Member
***
กระทู้: 524

ได้อย่าง เสียอย่าง


Re: มัจจุระคีตะ : เรื่องเล่าสยอง เทียนหนึ่งร้อยเล่ม ; กาฬประจักษ์
« ตอบ #5 เมื่อ: 04-12-2009, 18:34:34 »

หลังจากดองมาเป็นอาทิตย์ หลังวันพ่อได้อ่าน 2 ตอนรวดจุใจเเน่ๆ ครับ เเต่ตอนนี้ขอเรียบเรียงใหม่ นิดนึง ^^
ขอบคุณทุกท่านที่ชี้เเนะครับ

เกรียนจัง ตังอยู่ครบ
ป้าย:
หน้า: [1]