GAMEINDY: Asura Online
หน้า: [1]
ผู้เขียน หัวข้อ: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—  (อ่าน 761 ครั้ง)
เซงมาก,,
Hero Member
*****
กระทู้: 2,655

เซงมาก >,<


[แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« เมื่อ: 10-11-2009, 18:25:44 »

ใช่ปฐมบท ตำนานเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท ใช่
เมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท นับว่าเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรอสุรา ความเป็นมาเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ทนั้นข้อมูลไม่แน่ชัด แต่คำบอกเล่าของประชาชนในพื้นที่เรื่องความเป็นมาของเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ทนั้น เป็นที่แน่ชัดว่า ครั้งอดีตกาลพระนางลูซีส ผู้เปรียบเสมือนเทพเจ้า ได้ทำการก่อตั้งเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท วัตถุประสงศ์นั้นยังคงเป็นปริศนา กล่าวได้ว่าประชาชนของเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท นั้นคือลูกหลานของลูซีสนั้นเอง นับตั้งแต่นั้นมาจักรพรรดิ์แห่งอสุรานครได้สถาปนาเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท เป็นเมืองขึ้นตรงต่อทางการ ทั้งยังส่งเสริม พื้นฟู ให้เมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท เจริญทั้งด้านการค้า และวัฒนธรรม ทั้งยังมีกำลังพลพร้อมรบอีกนับแสนนาย มีป้อมปราการตะวันออกซึ่งเป็นป้อมที่ได้ชื่อว่า แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหัวเมืองทั้งหมดของอาณาจักร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท อีกทั้งป้อมชั่วคราว เดธ วอลเลย์ มี ผู้พันคาร์เตอร์ เป็นผู้บัญชาการ ค่อยให้การช่วยเหลือเมื่อยามมีภัยให้กับเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท เห็นได้ว่าทางการได้ให้ความสำคัญกับเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ทเป็นอย่างมาก จบความเป็นมาของเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท (มั่วเอา)

เวลาสายๆ ของวันหนึ่ง ขณะที่จ่า อัลเบิร์ตผู้กำลังตกหลุมรักเจ้าของร้านตัดเสื้อภายในเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท กำลังประจำการ ณ จุดตรวจคนเข้าเมืองทางประตูทิศใต้ พร้อมด้วยกองกำลังทหาร บรรยากาศยังคงเข็มงวดกับการตรวจคนเข้าเมืองพร้อมทั้งออกใบผ่านทางให้กับพ่อค้า ที่มีความประประสงค์เข้าไปทำการค้าภายในเมือง "เอ๊ๆ วันนี้ทำไมมันเงียบเหงาอย่างนี้น๊า พวกเจ้าสองคนเดินลาดตระเวนบริเวนรอบกำแพงเมืองไปถึงค่ายนักเวทย์ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลให้รีบมารายงานข้า!" พรางกับชี้นิ้วไปยังพลทหาร 2 นาย "คร๊าบบป๋ม" พลทหารรับคำสั่งแล้วก็เดินไปยังเส้นทางที่ได้รับมอบหมาย
"เฮ้อ! เองว่าจ่าอัลเบิร์ตแปลกๆไหมช่วงนี้" พลทหารอชิตพูดขึ้น พร้อมกับทำหน้าเรียนแบบจ่า อัลเบิร์น
"เค้ารุ้การทั้งเมืองแล้ว จ่าเราไปแอบรักเจ้าของร้านตัดเสื้อ" พลทหารโอนิตอบ
"ข้าว่า คางคอก กะ หงษ์ ไม่มีวันไปด้วยกันได้หรอก"พลทหารอชิตพูด
"ข้าก้อว่างั้นล่ะ อีกอย่างข้ายังรู้มาอีกว่าพันตรีไรอันก็แอบของผู้หญิงคนๆเดี่ยวกันกับจ่าอัลเบิร์ต คงสิ้นหวังแล้วล่ะ"พลทหารโอนิพูดพรางหัวเราะ
โอนิและอชิตเดิมมาถึงเขตแดนระหว่างเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ทกับค่ายนักเวทย์ ซึ่งเป็นเขตแดนที่ห้ามมิให้ทั้ง 2 ฝ่ายรุกล้ำซึ่งกันและกัน สาเหตุเนืองจาก
อดีตมีจอมเวทย์แห่งวิญญาณผู้หนึ่งได้ร้องขอไปยังทางการ ป้อมชั่วคราว เดธ วอลเลย์ ขอให้ยุติการกำจัดเหล่าเขี้ยวทมิฬ เพราะจะทำให้ผู้สนใจเป็นนักเวทย์ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้เนืองจากทางการออกกำจัดเหล่าเขี้ยวทมิฬ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สนใจเป็นนักเวทย์ ไม่สามารถหาเขี้ยวทมิฬ เพื่อผนึก เวทย์มนต์ธาตุวิญญาณได้ แต่กับได้คำปฏิเสธจาก ผู้พันคาร์เตอร์ เพราะอาจจะทำให้อาณาจักรอสุราต้องล่มสลาย หลังจากที่เหล่าเขี้ยวทมิฬออกมากบฏ พ่อมดทั้งหลายโกรธแค้นทางการเป็นอย่างมากจึงได้เสกดินแดนชื่อว่า "ป่าวงกต" เพื่อเป็นที่อยู่ของเหล่าเขี้ยวทมิฬ พร้อมทั้งตัดความสันพันธิ์กับทางการ ก่อตั้งดินแดนเล็กชื่อ "ค่ายนักเวทย์" ห้ามมิให้ทางการแทรกแซง มิเช่นนั้นจะประกาสสงครามกับทางการ ด้านทางการเห็นว่านักเวทย์มีอยู่ทั่วทั้งอาณาจักรจึงจำยอมต้องทำตามสัญญา ลงนามโดย พันเอก เซอร์ อเล็กซ์ (ปัจจุบัน เลื่อนขั้นเป็น พลตรี เซอร์ อเล็กซ์)และ พ่อมดสีเทา
ทั้ง 2 เตรียมตัวจะกลับ เพื่อไปรายงานผลการลาดตระเวนกับจ่า อัลเบิร์ต
"แคร๊กๆ ขอ น..น้ำ" เสียงชายสูงอายุดังขึ้น โอนิและอชิต มองหน้ากันแล้วเดินไปตามทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้น ซึ่งทั้งสองต่างรู้ดีว่าว่าสุดเขตความรับผิดชอบของตัวเองแล้ว แต่ด้วยความที่ต้องการทราบว่าบุคคลดังกล่าว ต้องการความช่วยเหลือหรือป่าวจึงทำได้ตะโกนถาม
"ขอโทษคร๊าบป๋ม! พวกเรามาจากกองทหารตรวจคนเข้าเมืองประจำจุดประตูทางทิศใต้ มีอะไรให้พวกเราช่วยไหมคร๊าบ"พลทหารอชิตตะโกน
"...!!" ไม่มีเสียงตอบรับจากชายปริศนา
"อชิต เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะข้ามเขตแดนไปฝังค่ายนักเวทย์เพื่อดูว่า เค้าคนนั้นเกิดเหตุอะไรขึ้น" โอนิพูดพร้อมจะก้าวข้ามเขตแดนไปหาเจ้าของเสียงดังกล่าว
"ไม่ได้น่ะโอนิ ถ้าเจ้าข้ามไป ผลที่ตามมาคือสงครามระหว่างทางการกับบรรดานักเวทย์น่ะ"อชิตพูดขึ้น พร้อมกับรั้งโอนิไว้
"ปล่อยข้าอชิต ข้าจะไปพิสูจน์ดูว่าเสียงนั้นเป็นของใครอีกอย่าง เค้ากำลังไม่สบาย ข้าต้องไปช่วยเค้า" โอนิรู้ใจเพื่อนสนิทคนนี้ดีจึงพูดขึ้นว่า
"ได้! แต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าต้องกลับมา โอนินี่เป็นสมบัติที่ข้ามี ข้าให้เจ้าครึ่งหนึ่งอีกครึ่งหนึ่งข้าจะเก็บไว้ รักษามันให้ดี มันเป็นสัญลักษณ์แทนคำสัญญาว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป" อชิตพูดพร้อมกับหยิบกระบี่มูนแฟงค์มาหักครึ่งแล้วยื่นให้โอนิเก็บไว้ส่วนหนึ่ง
"อชิตเพื่อนรัก ขอให้เจ้าจดจำข้าไว้เสมอ เก็บข้าไว้ในความทรงจำของเจ้า ลาก่อน.." โอนิกล่าวเสร็จก็สะบัดมือออกจากการคร่ากุมของอชิต
"เจ้าต้องกลับมาโอนิเพื่อนรัก!" อชิตพูดทั้งนึกเสียใจกับการที่ปล่อยให้เพื่อนรักต้องเดินไปยังเขตแดนของศัตรู น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย ( Cry)
                
:o30 ปีผ่านไป Shocked
    อชิตหลังจากการลาดตระเวนครั้งนั้นก็ลาออกจากการเป็นทหาร แต่งงานและมีครอบครัว ให้กำเนิดบุตรชายชื่อ รอมเมล เมื่อรอมเมลอายุ 15 บิดาเขาก็จากเขาไปตลอดกาล
     รอมเมลสมัครเป็นทหารเมื่ออายุ 22 ในเวลาไม่ถึง 10 ปี เค้าก็สามารถเลื่อนขั้นเป็น พันเอก พันเอกรอมเมล มีหน้าที่คอยควบคุมการฝึกของเหล่าทหารพิเศษ เป็นทหารคนสนิทของ พลตรี เซอร์ อเล็กซ์ คู่กับ ผู้พันคาร์เตอร์
     รอมเมลมองไปบนฟ้าพร้อมทั้งนึกถึงคำพูดของบิดาตน ในวันที่บิดาสิ้นใจ
"รอมเมลลูกรัก พ่อมีเรื่องอยากจะขอร้องเจ้า มันอาจจะเป็นคำของสุดท้ายของพ่อแล้ว พ่ออยากให้ลูกไปตามหาคนๆหนึ่ง เค้าเป็นเพื่อนรักของพ่อที่พ่อเคยเล่าให้เจ้าฟังบ่อยๆ ทุกวันนี้พ่อนอนตาไม่หลับ นึกถึงเรื่องเมื่อ 30 ก่อนแล้วพ่ออดโทษตัวเองไม่ได้ ในวันนั้นถ้าพ่อไม่ปล่อยเพื่อนของพ่อไป..แคร๊กๆ"
"ท่านพ่อพักก่อนเถอะเรื่องนี้เอาไว้คุยกันหลังจากที่ท่านพ่อหายเถอะครับ" รอมเมลที่เคยแข็มแข็งในสนามรบอดน้ำตาไหลไม่ได้ พูดกับบิดาทั้งน้ำตา
"รอมเมล พ่อรู้ตัวนี้ พ่อคงอยู่ได้อีกไม่นาน แคร๊กๆ ถ้าเจ้าไม่รับปากพ่อว่าจะตามหาเพื่อนรักของพ่อในดินแดนของเล่านักเวทย์ซึ่งเป็นเขตต้องห้ามของทางการพ่อคงนอนตาตายไม่หลับ พ่อรู้มันอันตราย..แคร๊กๆ แต่เจ้าทำเพื่อพ่อได้ไหม แคร๊กๆ หากเจ้าตามเขาเจอแล้ว เจ้าต้องดูแลเขาให้ดี ให้สมกับที่พ่อทอดทิ้งเขา หากไม่เจอเพื่อนรักของพ่อ แต่กลับเจอทายาทของเขาให้เจ้าดูแลเขาให้เป็นอย่างดีเช่นเดี่ยวกับที่พ่อดูแลเจ้า อ๊าก!" พูดจบบิดาของรอมเมลก็สิ้นใจ รอมเมลรู้ดีว่าบิดาคงไม่ต้องการเห็นน้ำตาของเขา เขาได้แต่กอดร่างไร้วิญญาณของบิดา ตำหนิฟ้าที่ลงโทษเขากับบิดาให้พลัดพรากจากกัน
"ครับท่านพ่อ ข้าสัญญา ข้าจะตามหาเพื่อนของท่านพ่อให้พบ" ถึงเขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลแต่มันก็ยากที่จะทำได้ เพราะคนที่จากไปไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นพ่อของเขา เป็นคนที่เขาเคารพและรักมากที่สุด หลังจากที่มารดาเขาต้องสิ้นใจด้วยโรคไข้หวัด 2009 เขากับบิดาก็ดูแลกันและกัน ตามประสา 2 พ่อลูก
หลังจากงานศพของบิดา รอมเมลก็เปลี่ยนเป็นคนละคน จากที่เคยร่าเริง ก็ซึมเศร้า
       รอมเมลก้มมองดูปลายของกระบี่มูนแฟงค์ซึ่งตอนนี้ไร้ซึ่งด้ามจับ เขาปฏิญาณกับตัวเองว่า สักวันเขาจะตามหาคนที่มีด้ามจีบของกระบี่นี่ให้จงได้ และจะดูแลเขาคนนั้นให้ดีที่สุดตามความประสงค์ของบิดาที่กล่าวไว้ก่อนสิ้นลม
      เหล่าพลทหารที่อยู่ในการคอบคุมของพันเอกรอมเมลเห็นอาการของนายก็ไม่สบายใจ ปรึกษากันว่าถ้ามีอะไรที่พวกตนช่วยพันเอกรอมเมลได้ก็จะทำ พลทหารพยายามถามอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พันเอกรอมเมลเป็นแบบนี้ แต่พันเอกรอมเมลกลับเงียบ เก็บตัวเองไว้ในห้องพัก พันเอกรอมเมลรู้ดีว่าเรื่องนี้จะให้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับทางการไม่ได้ เพราะถ้าทางการเข้ามามีส่วนก็จะเกิดสงครามระหว่างทางการกับค่ายนักเวทย์เป็นแน่ เหล่าพลทหารที่อยู่ใต้บัญชาของพันเอกรอมเมลพยายามสืบหาสาเหตุที่ทำให้พันเอกรอมเมลเป็นแบบนี้ จนทราบจาก จ่าฝึกทหารพิเศษคนสนิทที่ค่อยติดตามพันเอกรอมเมล ความจิงได้กระจ่างพลทหารเห็นว่าสมควรช่วยเหลือพันเอกรอมเมลผู้เป็นนายของตน ในวันนัดรวมพลครั้งใหญ่ประจำปีของกองพลที่พันเอกรอมเมลดูแลอยู่ เหล่าทหารส่งตัวแทนไปกระซิบพันเอกรอมเมลว่า"ผู้พันครับ จะหาคนที่ค่ายนักเวทย์ก็ต้องไปที่ค่ายนักเวทย์สิครับ จะกลุ้มใจให้มันได้อะไรขึ้นมา.." พันเอกรอมเมลแปลกใจ หทารอีกคนก็พูดขึ้น "ผู้พันครับ เราพร้อมปิดล้อมค่ายนักเวทย์แล้วครับ ไม่ว่ามันจะผิดกฏที่ทางการได้ทำสัญญาไว้กับเหล่านักเวทย์หรือป่าว แต่ที่เรารู้หรือเราทนไม่ได้ที่เห็นหัวหน้าของเรานั่งเศร้าเป็นหนุ่มอกหักในรักแรกไม่ได้ โปรดสั่งการให้เราบุกล้อมค่ายนักเวทย์เถอะครับ"เหล่าทหารต่างพร้อมใจประสานเสียง จนเกิดเสียงกังวานดังสนั่นหวั่นไหว "โปรดสั่งการด้วยครับ" พันเอกรอมเมลซึ่งใจกับการกระทำของเหล่าผู้ใต้บัญชา พร้อมสั่งการปิดล้อมค่ายนักเวทย์ การปิดล้อมดำเนิดไปถึง 5 วัน 5 คืน หัวหน้าสมาคมนักเวทย์ขณะนั้นชื่อ เซรีน ซึ่งเป็นบุตรสาวของอดีตหัวหน้าสมาคมนาม นาริก้า เซรีนเป็นคนมีเหตุผล จะทำอะไรคิดถึงส่วนรวมอยู่เสมอ เซรีนรู้ดีว่าถ้าหากปล่อยให้เกิดสงครามระหว่างทางการกับเหล่านักเวทย์ความเสียหายยอมเกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งเซรีนก็สงสัยเหตุใดทางการถึงละเมิดกฏที่ได้ตกลงร่วมกันเมื่อครั้งนานมาแล้ว เหล่าพ่อมดเห็นว่าทางการหยามกันเกินไปจึงมีมติให้ประกาศสงครามกับทางการ เซรีนเห็นว่าเรื่องจะบานปลาย จึงอาสาออกไปสอบถามถึงเหตุผลในถานะตัวแทนบรรดานักเวทย์ คำพูดขิงเซรีนนั้นมีน้ำหนักมากเนืองจากเป็นนักเวทย์ที่มีวิชาแก่กล้า อีกทั้งอายุยังน้อย เมื่อเซรีนเห็นว่าไม่มีใครโต้แย้ง เซรีนจึงใช่เวทย์มนต์แห่งลม นำตนไปยังที่พักของหัวหน้าทางการ
"ข้า เซรีน หัวหน้าสมาคมนักเวทย์ เป็นตัวแทนของเหล่านักเวทย์มาเจรจา เหตุใดทางการจึงละเมิดข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ในกาลก่อน" เสียงเซรีนดังขึ้น
พลทหารพึ่งรู้ว่ามีผู้บุกรุกจึงเข้าล้อมเซรีนไว้ เซรีนไม่ขัดขืนยิมให้จับกุมแต่โดยดี เซรีนถูกนำตัวไปพบพันเอกรอมเมล
"เจ้าเป็นใคร" รอมเมลถาม
"ท่านคงเป็นผู้สั่งการทั้งหมดสิน่ะ ดี!ข้าชื่อ เซรีน หัวหน้าสมาคมนักเวทย์ เป็นตัวแทนของเหล่านักเวทย์ ต้องการทราบเหตุผลที่ท่านนำกำลังทางการปิดล้อมค่ายนักเวทย์ของเรา ท่านลือสัญญาที่พ่อมดสีเทา กับท่าน พลตรี เซอร์ อเล็กซ์ แล้วหรือ?"
"ท่านเข้าใจผิดแล้วเราไม่ได้มาในนามของทางการ อีกอย่างเราไม่มีเจตนาปิดล้อมค่ายท่านแต่อย่างใด เราแค่ต้องการตามหาคน" รอมเมลยังคงรักษาอาการนิ่งสงบ
"หาคน? ท่านคิดว่าค่ายของเราเป็นอำเภอหรือไง"เซรีนพูดตอบพร้อมทั้งเลียนแบบอาการของรอมเมล
"บังอาจ เจ้ากำลังพูดอยุ่กับใคร เจ้ารู้ไหม นี่คือ พันเอกรอมเมล ผู้ที่มีอำนาจทางการทหารในเขตเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท ทั้งหมด" พลทหารคนหนึ่งพูดพร้อมจะเดินไปตบปากของเซรีน เซรีนร่ายเวทย์เรียกคฑาประจำกายมา พร้อมกลับชี้ปลายคฑาไปยังรอมเมล "พวกเจ้าทุกคนหยุด!" รอมเมลยังคงนิ่งสายตารอมเมลกลับสังเกตุเห็นว่า ด้ามของคฑาที่เซรีนใช้นั้นมันคือด้ามกระบี่มูนแฟงค์ "เจ้าเอาด้ามจับคฑามาจากไหน" รอมเมลถามด้วยอาการที่เก็บไว้ไม่อยู่ "พ่อของข้าให้ข้ามา"เซรีนตอบพร้อมกับแปลกใจ "ช..ใช่เจ้าจิงๆด้วย พ่อเจ้าของ โอนิ ใช่ไหม" รอมเมลถาม "เจ้ารู้จักพ่อข้าหรอ?"เซรีนอดสงสัยไม่ได้ที่คของทางการรู้จักบิดาของเธอ "เจ้ารู้จักของสิ่งนี้ไหม" รอบเมลหยิบปลายกระบี่มูนแฟงค์ขึ้นมา เซรีนถึงกับตะลึงค่อยๆลดคฑาลง"เจ้าเกี่ยวกับท่าน อชิตยังไง" เซรีนถาม "ข้าเป็นลูกของเค้า" รอมเมลตอบพร้อมกับยิ้มให้เซรีน "ท่านพ่อข้าเสียแล้ว ก่อนตายท่านสั่งให้ข้าดูแลคนที่เกี่ยวข้องกับด้ามจับนี้ แล้วท่านอาโอนิล่ะ" รอมเมลถามถึงผู้เป็นเพื่อนรักของบิดา "ท่านพ่อเสียไปนานแล้ว ก่อนตายท่านสั่งข้าว่า ข้าต้องทำให้ทางการเป็นมิตรกับเหล่านักเวทย์ให้ได้" "เดี่ยว! พวกเจ้าสั่งการลงไป ให้ยกเลิกภาระกิจ กลับฐานที่สถานีรถไฟเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท ให้หมด" รอมเมลสั่งการไปยังทหารคนสนิท "เซรีน ข้าอยากให้เจ้าช่วยพี่ทำให้ทางการกับบรรดาเหล่านักเวทย์เป็นมิตรต่อกันจะได้ไหม ถือซะว่าทำตามความต้องการของท่านพ่อกะท่านอาโอนิก็แล้วกัน " หลังจากนั้นเซรีนก็ไปฉีดสัญญาว่าด้วยเรื่องดินแดนระหว่างเมืองเซาท์เทิร์นฟอร์ท กับค่ายนักเวทย์ นับจากนั้นมาทางการกับค่ายนักเวทย์ก็ไปมาหาสู่กัน ไม่รู้จาจบยังไง แต่งมั่วๆ อ่า ในคาบเรียนด้วย Cry

laughฮิฮิ รับคำชม ไม่เอาคำติ laugh


~ ต่อจากนั้นชั้นก้อล้มทั้งยืน ไม่มีเหลือเรี่ยวแรงที่จะเดิน ~
/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #1 เมื่อ: 10-11-2009, 19:53:23 »

ป๊าดดดดดดดดดดด...

แม่ตายด้วยหวัด 2009  ไฮโซจริง!!! Shocked

เซงมาก,,
Hero Member
*****
กระทู้: 2,655

เซงมาก >,<


Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #2 เมื่อ: 10-11-2009, 19:55:21 »

อ้างจาก: (¯`•¸•´¯)``สก็๏ตไบท๎,,*(¯`•¸•´¯) ที่ 10-11-2009, 19:53:23
ป๊าดดดดดดดดดดด...

แม่ตายด้วยหวัด 2009  ไฮโซจริง!!! Shocked

5555 laugh


~ ต่อจากนั้นชั้นก้อล้มทั้งยืน ไม่มีเหลือเรี่ยวแรงที่จะเดิน ~
-N_T-
Jr. Member
**
กระทู้: 168

. ♥ TonG ' *


Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #3 เมื่อ: 10-11-2009, 20:08:15 »

*0*


55+


ชั้นดีใจที่มีเท ออ : ))
okmokiiz,,*
Hero Member
*****
กระทู้: 2,532

ตัวอ้วนน่ารัก,,*


Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #4 เมื่อ: 10-11-2009, 20:15:07 »

ที่รัก ใคร ช่างแต่งเก่งเหลือเกิ๊นนนน

คิดได้เนอะ  55555

  okmokiiz,,* กระโป่ยเรนเจอร์  ตัวอ้วนของเค้า น่ารักที่สุด >.<

2MCaPBeT
Full Member
***
กระทู้: 516

เปน เลสเบี้ยน เเย๊วมานผิดตรงไหน?..


เว็บไซต์
Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #5 เมื่อ: 10-11-2009, 20:18:37 »


 ซึ้ง  Sad

 

อยากให้ฉันยืนอยู่ข้างเธอบ้างไหม

เค้ามีฟามเเย๊ว   ,, >O<! มีเเต่ฟาม ฟาม จิงๆ
~lookgolf~
Hero Member
*****
กระทู้: 4,441

เรียกผมว่า"ลูกกอล์ฟ"


Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #6 เมื่อ: 11-11-2009, 01:09:37 »

ห้วนๆ ตรงๆ ได้ใจความ หรอ Evil



"โอกาส" มีมากพอเท่ากับ "อากาศ"^^~
ในวันที่เสียใจ ชั้นยังยิ้มได้เพราะมีเธอ
David Villa
Hero Member
*****
กระทู้: 3,755

<~.Barca.~>


Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #7 เมื่อ: 08-01-2010, 23:50:48 »

สนุกมากคับ Cry Cry Cry Cry Cry
 Cry Cry Cry Cry Cry



=--+(จิ้งเหลน)+--=
Newbie
*
กระทู้: 48


Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #8 เมื่อ: 09-01-2010, 18:54:30 »

ทำมั๊ยต้องหักกระบี่อะแลกสร้อยกันไม่ได้หรอเป็นอย่างอื่นก็ได้(แต่งในคาบเรียนมันคิดไม่ออกเนอะ)

!=ตัวป่วนบอร์ด=!
Sr. Member
****
กระทู้: 1,760

แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ้า ท่านซานต้า


Re: [แต่งในคาบเรียน] ตำนานกระบี่แห่งมิตรภาพ <—
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-01-2010, 12:09:49 »

ลาตาย Embarrassed Embarrassed

http://up.gameindy.com/5/71852.f7060c3b.htmlโอ้แม่เจ้า....
ป้าย:
หน้า: [1]