บทที่28 พลังที่กลับมา
“โอ ทะเลแส๊นงาม~ฟ้าสีครามสดใส~ มองเห็นเรือใบ~ แล่นอยู่ในทะเล~” นี่คือเสียงร้องเพลงอย่างสบายใจของแฟลชกับเลิฟโลว์ ส่วนเจสสิก้านั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ พวกที่กลัวก็กลัวอยู่ต่อไป
“ร้องเพลงสบายใจเชียวนะยะ!” เอรินเริ่มตวาดอีกรอบหลังจากเงียบขวัญผวามานาน “นั่นสิ” มาช่าเริ่มสมทบ
“พอเหอะ อย่าขุดเรื่องตอนกลางวันมาพูด ฉัน...กลัว...จะตายอยู่แล้ว....” วาเนซซี่พูดออกมาด้วยเสียงยานๆ
“งั้นกินข้าวเย็นได้แล้ว อาหารกระป๋องที่พกมา” เจสสิก้าหยิบกระเป๋าใบใหญ่ออกมา ในนั้นมียาต่างๆอยู่มากมาย รวมทั้งอาหารแห้ง อาหารกระป๋องด้วย เจสสิก้าหยิบปลากระป๋องออกมาแล้วโยนให้ทีละคน
“ฉันคิดถึงข้าวเย็นที่ฐานทัพ” เอรินบ่นพึมพำอีกรอบ “ตอนนี้เราอยู่กลางทะเลนะ อีกอย่างแถวนี้มันไม่ใช่ปลาธรรมดาแล้วด้วย ใต้น้ำนี้มีมอนเตอร์ตัวอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด เราจับพวกมันขึ้นมาไม่ได้หรอกนะ”เจสสิก้าตอบกลับด้วยท่าทีเคร่งครัด เอรินจึงเงียบลง “กินๆไป” แฟลชเปิดฝากระป๋องออกมแล้วกินคนแรก “นี่! รอด้วยสิ!”
เฟริน่ารีบเปิดกระป๋องออกมาเช่นกัน มื้อเย็นนั้นถึงจะเป็นมื้อเล็กๆ แต่ก็คงลดความหวาดกลัวของพวกเขาได้มากเลยทีเดียว....
---------------------รุ่งเช้า----------------------
“ฮ้า~ว” แฟลชตื่นขึ้นมาคนแรกในสภาพหัวกระเซิง ทั้งๆที่ธรรมดาผมก็ยุ่งๆอยู่แล้ว “เช้าแล้วเหรอ...” คีมีเดียส
ลุกขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย คนที่เหลือค่อยๆตื่นทีละคน จนครบทุกคน ทุกคนในตอนนี้อยู่ในสภาพตาลืมแทบไม่ขึ้นด้วยความง่วงมาก เจสสิก้าเหลือบดูนาฬิกา ตอนนี้มันก็ปาไปเกือบเที่ยงแล้ว “เหมือนไม่ได้นอนเลย...”
เลิฟโลว์พูดอย่างงัวเงีย “ฉันปวดหัว....” วาเนซซี่บ่นขึ้นมาต่อ และแล้วทั้งหมดก็มานั่งตรงใจกลางเรืออีกรอบ
“เอาล่ะ ตอนนี้เราไม่ควรมานั่งหลับต่อ เราควรจะวางแผน ฝ่าบอสเข้าไปในถ้ำเพื่อเอาแร่ ธีดอม ให้ได้ดีกว่านะ”เจสสิก้าพูดเสนอขึ้นมา “เดี๋ยวนะ...อืม....” ทุกคนนั่งครุ่นคิด แต่ในระหว่างนั้นกัปตันไปป์ก็ได้ตะโกนเตือนทุกคน
“ตอนนี้เราจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แล้ว อยู่ตรงกลางเรือเกาะกลุ่มไว้ อย่าส่งเสียง ตอนนี้ฉันจะพยายามบังคับเรือให้เข้าเป็นทางตรงสุดกำลัง ถ้าหากทางผิดเพียงนิดเดียวยังไงก็ไม่รอดแน่” สิ้นเสียงกัปตันไปป์ ทุกคนรีบคว้าข้าวของ แล้วมานั่งตรงกลางเรือเกาะกลุ่มกันอย่างแน่นหนา
เรือกัปตันไปป์ค่อยๆเข้าสู่ทางลับ มันเป็นถ้ำเล็กๆ ถ้ำหนึ่ง ถ้ำนี้เป็นระยะยาวและมืดสนิท ซึ่งตอนนี้กัปตันไปป์พยายามจะควบคุมเรือไม่ให้หลุดจากเส้นทาง เพราะในถ้ำลับนี้มีกระแสลมปริศนาอยู่มาก
ผู้หญิงหลายคนต่างกอดกันเองด้วยความหวาดผวา พลางอุดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงออกมา ในถ้ำมันมืดสนิทแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย สักพักก็ได้ยินเสียงโหยหวนของมอนเตอร์ในอาณาจักรสวรรค์กึกก้องออกมา คาดง่าในถ้ำทางลับนี่จะมีประมาณ10ตัว ตอนนี้พวกมันเป็นเงาลางๆอำพรางอยู่ตามผนังถ้ำ
ทุกคนต่างภาวนาให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุดให้ผ่านพ้นไป เรือค่อยๆแล่นไปอย่างช้าๆ
หลายคนเริ่มโล่งอกเมื่อเสียงโหยหวนจากมอนเตอร์ค่อยๆเบาลงแล้ว แต่ไม่ทันที่จะได้หายใจทั่วปอด เรือกลับเซไถล เพราะถูกคลื่นซัด “บ้าเอ๊ย!” กัปตันไปป์รีบเร่งความเร็วเรือเต็มที่ ตอนนี้พวกมอนเตอร์มันค่อยๆขยับขึ้นมา
แล้วค่อยๆซึมตามกำแพงถ้ำไล่ตามเรือไปเรื่อยๆ “เราต้องหนีให้ไกลที่สุด!” กัปตันไปป์เร่งความเร็วเรือเต็มสูบแล้วแล่นหนี แต่มันก็ยิ่งแทรกกำแพงถ้ำเร็วขึ้นเรื่อยๆ “เราไม่รอดแน่เลย…” มาช่านั่งกอดเข่าอย่างหมดหวัง
หลายคนหน้าเริ่มถอดสี แล้วกระวนกระวายเป็นอย่างหนัก แม้กระทั่งเจสสิก้าตอนนี้หล่อนได้แต่นั่งตาค้างอยู่ มีแต่แฟลชเท่านั้นที่ยังนั่งนิ่งในอิริยาบถเดิม
คลื่นค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าของมอนเตอร์ประหลาดที่อยู่ตามผนังถ้ำดังขึ้น ดังขึ้น...และเสียงนั้นเหมือนเข้ามาใกล้เรือแล้ว “ชิลด์เฮลท์!” เลิฟโลว์กัดนิ้วตัวเอง เลือดสีแดงสดไหลออกมาแล้วเอาไปแตะไว้กับโล่ ได้บังเกิดบาเรียรอบๆกลุ่มพวกเขา แต่ hp ของเลิฟโลว์ก็ลดไปเรื่อยๆเช่นกัน
มอนเตอร์ล่องหนตัวหนึ่งเผยตัวออกมา เป็นมอนเตอร์ที่มีลักษณะน่าขยะแขยง ขาทั้ง2ข้างของมันมีแต่พังผืดของตะไคร่น้ำขนาดยักษ์ และมือข้างหนึ่งซึ่งเป็นครีบปลา กับมืออีกข้าง ซึ่งมีขนาดมหึมามีหนามแหลมคมพันอยู่รอบๆ พร้อมีน้ำหนองไหลออกมาอาบแขนของมัน ปากของมันฉีกถึงใบหู ฟันมีลักษณะแหลมคมเหมือนปลาฉลาม ตาของมันมีอยู่ถึง3ตา ซึ่งแต่ละตาดวงของมันทะเล้นออกมาเป็นสีแดงก่ำ หูของมันเหมือนครีบปลาขนาดยักษ์ ซึ่งมีเลือดไหลอาบอยู่ตลอดเวลา “ก๊าซซซซซ~~~~!!!!!!” มันส่งเสียงร้องคำรามพร้อมวิ่งเข้ามาประชิดเรือ แล้วเอามือข้างมหึมา ทุบลงที่เรือเต็มๆ
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมม! เรือแตกเป็นเสี่ยงๆ กัปตันไปป์จมน้ำหายไป แต่ละคนที่เหลือกระเด็นออกมาจากเรือ แล้วตกน้ำไป ซี่งแต่จุดที่แต่ละคนตกลงน้ำไปมีน้ำวนอยู่ “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
เอรินกรี๊ดอย่างดังด้วยความตกใจสุดขีด แต่ละคนถูกดูดลงไปในน้ำวน ส่วนใหญ่เป็นคู่หายไป.....
...
“คุณเฟริน่า! คุณเฟริน่า!” เสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งกำลังเรียกหล่อนให้ตื่นขึ้นมา “อะ...แค่กๆ!” เฟริน่าสะดุ้งขึ้นมาไอพร้อมสำลักน้ำ “ไม่เป็นอะไรนะครับ...” เขาลูบหลังหล่อนให้สำลักออกมาให้หมด
เฟริน่าค่อยๆหันไป คนที่ข้างๆหล่อนคือไพเรสนั่นเอง หล่อนหน้าแดงสุดขีดพลางหันหน้าหนีด้วยความอาย
“ปฏิกิริยาดีแบบนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ”ไพเรสเกาหัว
“(ฉันมาติดอยู่กับไพเรส ทำไงดีล่ะเนี่ย ทำไงดีล่ะเนี่ย!)” หล่อนกระวนกระวายสุดขีดแล้วนิ่งไปชั่วครู่
“คุณเฟริน่า...” เสียงของไพเรสทำให้หล่อนสะดุ้งอีกรอบ “อ..อะไรเหรอคะ?” เฟริน่าหันมาตอบกลับด้วยท่าทีอายสุดขีด “หน้าแดงทำไมเหรอครับ?” หล่อนสะดุ้งอีกที “ม...ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร” หล่อนส่ายหน้าทันที
ไพเรสจ้องเฟริน่าคิ้วขมวด “อ...อะไรเหรอคะ” เฟริน่าพูดตะกุกตะกักเพราะเป็นครั้งแรกที่ไพเรสจ้องตาหล่อน
“แปลกนะครับ” หน้าคิ้วขมวดของไพเรสค่อยๆคลายลง “อ...อะไร” หล่อนยังคงพูดตะกุกตะกักเหมือนเดิม
“คนธรรมดาไม่น่าจะจมน้ำนานๆแล้วมีชีวิตรอด” เขาจ้องไปที่เฟริน่าอีกครั้ง
“หมายความว่าไง...ฉ...ฉันน่ะเหรอ ฉันก...ก็คนธรรมดานี่?” เฟริน่าชี้ที่ตัวเองพลางถามกลับด้วยความงงงวย
ไพเรสจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ตอนที่เฟิน่าจมน้ำ....
“อ๊า~~!!!!” ร่างของหล่อนถูกดูดลงไปในน้ำวน ไพเรสรีบว่ายเข้าไปดึงมือหล่อนแต่แรงดูดของน้ำวน ดูดเขาทั้ง2ลงไปใต้น้ำ .....สักพักไพเรสได้เกยตื้นขึ้นมาเขาสำลักเล็กน้อยแล้วหันไปที่แม่น้ำข้างๆพบเฟริน่าแน่นิ่งจมน้ำอยู่
โดยด้านหลังของหล่อนลอยขึ้นมา แต่หน้าก็ยังจมอยู่ใต้น้ำ ตรงนั้นอยู่ใกล้ๆน้ำวน ถ้าไพเรสเข้าไปช่วยอาจจะถูกน้ำวนดูดอีกรอบ คราวนี้กลางน้ำวนมีแท่งหินที่แหลมคมอยู่ใจกลาง ถ้าเข้าไปโดนก็ตายสถานเดียว
“เอาไงดี... ฮ้า!”เขารีบเอาหน้าไม้ออกมาและเอาหมุดไม้มามัดกับเถาวัลย์แถวนั้น ไพเรสเอาหมุดไม้มาวางแทบกับหน้าไม้แล้วยิงออกไป ด้วยความหวังว่าหมุดไม้จะไปเกี่ยวเสื้อเฟิรน่าแล้วดึงขึ้นมาได้ แต่มันไม่โดนตัวเฟริน่าเลย
ไพเรสดึงหมุดไม้กลับมาอีกทีแล้วยิงอีกรอบ แต่ก็ไม่โดนเป็นรอบที่2
“ให้ตายสิรู้งี้ฉันน่าจะฝึกหน้าไม้ให้แม่นกว่านี้” เขารำพึงบ่นตัวเอง แล้วลองใหม่อีกครั้ง แต่ก็ไม่โดนอยู่ดี
“(ถ้าช้าต่อไปตายแน่ๆ)” เขาคิดอย่างกระวนกระวาย ความกระวนกระวายทำให้เขายิ่งเล็งไม่ถูก ประกอบกับกลัวยิงโดนเฟริน่าจังๆเป็นการฆ่าเฟริน่าอีกทาง
...ไพเรสยิงไปเป็นรอบที่10 แต่ก็ยังไม่โดนตัวหล่อน เขากระวนกระวายมากยิ่งขึ้นเพราะตอนนี้เวลาก็ผ่านมานับ5นาทีแล้ว แต่เขาก็เริ่มตั้งสติ เล็งหมุดไม้ให้แม่นยำที่สุด แล้วยิงมันออกไป
หน้าไม้พุ่งไปปักทะลุกับชายเสื้อของเฟริน่าพอดี ไพเรสดีใจสุดขีด รีบดึงเถาวัลย์ลากเฟริน่าเข้ามาใกล้ฝั่ง
แต่หล่อนยังคงนอนแน่นิ่ง ทั้งปั๊มหัวใจแล้ว แต่หล่อนก็ยังนอนแน่นิ่ง.....ไพเรสกลุ้มใจหมดหวังที่ตัวเองทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องไปตายไปอีกคน แต่สักพักเฟริน่าค่อยๆไอออกมา เขาดีใจมากรีบเข้าไปปุกเฟริน่าให้ตื่น....
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ค่อยถนัดหมุดไม้....” เฟริน่านั่งฟังอยู่เฉยๆ ไพเรสนิ่งลง...”ถ้ายังมีพลังของ
ซัมมอนเน่อร์มันคงจะดีกว่านี้....” เขารำพึงเบาๆ เฟริน่าอดสงสารไม่ได้ เนื่องจากเธอก็รู้เช่นกันตอนที่ถูกสาปให้ตรงกันข้ามแล้วความสามารถอุตส่าห์สั่งสมมาหายไปทั้งหมดถึงจะเป็นแค่ชั่วครู่ แต่มันก็ทำให้จิตใจของหล่อนช้ำได้ง่ายๆ แต่นี่ของไพเรส ความสามารถของเขาหายไปนานแล้ว และไม่มีท่าทีว่ามันจะกลับมา
ไพเรสกุมหัวตัวเองพลางก้มหน้า เหมือนจิตใจเขาจะบอบช้ำอยู่มาก เพราะเกือบทำเพื่อร่วมทีมตายเพราะความสามารถที่หายไปของเขา เฟริน่าเห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามานั่งใกล้ๆแล้วปลอบจพลางยิ้ม “อย่าเศร้าไปเลย ฉันรอดมาแล้วนี่...” รอยยิ้มของหล่อนคลายความรู้สึกเศร้าไปได้ เฟริน่าหันไปมองข้างๆเจอต้นพืชปริศนาต้นหนึ่ง
หล่อนเดินเข้าไปดูและลองสัมผัสมัน “จริงสิ! นี่ไงล่ะ!” เฟริน่ารีบถอนต้นพืชปริศนานั้นออกมา รากมันยาวมาก
หล่อนออกแรงดึงสุดขีดจนรากออกมาทั้งหมด เฟริน่าหยิบหมุดไม้แล้วเอาปลายแหลมหั่นรากของต้นพืชเป็นชิ้นๆ
แล้วเทลงไปในขวดยา ตักน้ำจากลำธารเข้ามาผสม “ต้น เกรทเวิร์ด(อ่านว่า เกร๊ด-เหวิด) สามารถรักษาอาการผิดปกติทุกชนิดได้ เท่ากับว่าความสามารถของนายที่หายไปก็รักษาได้” หล่อนเขย่าขวดยาสุดแรง น้ำค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่ม มีกลิ่นหอมหวนยิ่งนัก “เอาไปกินนะ” หล่อนยิ้มอีกรอบพลางส่งยาผสมให้ไพเรส ไพเรสจ้องมองยาผสมนี่สักพัก แล้วดื่มมันเข้าไปรถชาติมันขมมาก เขาแทบจะสำลักมันออกมา เฟริน่ารีบเอามืออุดปากไม่ให้เขาสำลักมันออกมา ไพเรสดิ้นสุดขีดพลางจับข้อมือเฟริน่า แต่ในที่สุดเขาก็กระเดือดยาผสมนั่นลงคอไปได้
“แฮ่กๆ! ขมปี๋เลย” เขาไอออกมา เฟริน่าที่ค้างอยู่ชั่วครู่ได้สติก็เห็นว่ามือข้างหนึ่งของไพเรสเลื่อนลงมาจับมือ
เฟริน่าอยู่ หล่อนหน้าแดงสุดขีดแล้วค่อยเอามือออก หัวใจหล่อนเต้นระทึก(หวานไปแล้ว=[]=”)
“อ่ะ หืม?” ไพเรสเหลือบดูที่ฝ่ามือตัวเอง สัญลักษณ์ซัมมอนเน่อร์แห่งเอลฟ์ของเขากลับมาทั้งหมดแล้ว ไพเรสจึงลองอัญเชิญไซครอปเหล็กขึ้นมาดู มันได้ผล....
เขาน้ำตาคลอแทบจะไหลออกมาด้วยความดีใจสุดขีด เฟริน่านั่งยิ้มด้วยความยินดีไปอีกคน
"ขอบ...ขอบคุณมากครับ!" ไพเรสโผเข้ากอดเฟริน่า หล่อนถึงกับค้างอยู่ตรงนั้นเลย.....
-----------------ทางด้านคนอื่น-----------------
"อ...แค่กๆ!" วาเนซซี่ตื่นขึ้นมาไอสำลักน้ำออกมา หล่อนมองรอบๆ ตอนนี้หล่อนอยู่ที่ลำธารใกล้ๆน้ำวน ด้านข้างๆเป็นป่าลึก หล่อนลุกขึ้น แล้วรวบผมให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
จากนั้นจึงสำรวจรอบๆ "....มาช่า!" หล่อนวิ่งเข้าไปกอดมาช่าทันที "นึกว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว~" มาช่ากอดตอบกลับ
"ฮื่อ... ตอนนี้เราควรเดินสำรวจต่อไปเผื่อจะได้เจอพรรคพวกด้วย" วาเนซซี่เปลี่ยนอิริยาบทเป็นจับมือมาช่า มาช่าพยักหน้าตอบกลับ ทั้ง2เตรียมอาวุธพร้อมแล้วจึงออกเดินสำรวจรอบๆอีกครั้ง....
"อืม....อ่ะ..." แฟลชตื่นขึ้นมามองไปรอบๆ เจอเอรินนอนสลบอยู่ไม่ได้ทำอะไร เอาทอนฟ่ามาเช็ดต่อ จนกระทั่งเอรินตื่นขึ้นมาเห็นแฟลชนั่งเท้าคางอยู่ข้างๆ
"ตื่นแล้วเหรอ ขี้เซาชะมัดนอนนานเป็นชาติเลยนะ..." คำพูดของแฟลชทำให้เอรินเริ่มฉุน "แล้วนั่งเท้าคางอย่างนั้นไม่คิดทำอะไรเลยเหรอยะ" หล่อนโต้กลับบบ้าง
"ก็ไม่รู้จะทำอะไร เฝ้าคนบ้านอนสักกะเบือยันเรือรบก็ได้นี่" คำพูดรอบนี้ของแฟลชทำให้อารมณ์ของหล่อนเดือดดาน
"นี่กะจะหาเรื่องใช่มะ!" หล่อนง้างมือขึ้นมาเตรียมจะตบหน้าแฟลช "แค่นี้ก็เดือดแล้วเหรอ...ยัยกาน้ำ" แฟลชยังนั่งนิ่งอยู่ เอรินทนไม่ไหวแล้วเหวี่ยงมือเข้าไปหมายจะตบแฟลชจังๆ แต่แฟลชเอามือกันไว้ได้ และไม่ชะงักเลยทั้งๆที่มือข้างหนึ่งอยู่ในท่าเท้าคาง "ลงไม้ลงมือเลยเหรอ ยัยปรอท" น้ำเสียงแฟลชเริ่มเดือดขึ้น
"ไอหัวกระเซิง!!!" เอรินเปลี่ยนท่าเป็นเตะแฟลชแทน แต่แฟลชกระโดดหลบได้แล้วมานั่งที่เดิม "แล้วไง ยัยแว่นตาบอด" แฟลชล็อคมือเอรินเอาไว้ หล่อนอารมณ์เดือดสุดขีด
เอามืออีกข้างสับที่มือของแฟลชที่ล็อคไว้อีกข้าง แต่แฟลชเอามือหลบก่อน จึงโดนมือของตัวเอง(เจ็บ)
"กรี๊ดดดดดดด!!!! ไอเปรต!!!!" เอรินเอาเท้าถีบแฟลช แต่เขาเอามือยันไว้อีก "ชั้นชักรำคาญหล่อนแล้วนะ ดูก่อน ฉันเห็นตัวประหลาด1ตัว อยากโดนยิงตายมั้ย ไม่งั้นฉันจะสงเคราะห์ให้จะได้โยนเธอไปหน้ามัน" แฟลชยิ้มกริ่ม เอรินลดมือลงแล้วหันไปทางมอนเตอร์ตัวนั้นรูปร่างคล้ายกิ้งก่าผสมคล็อกโคเดี้ยน มันหันกลับมาเท่ากับว่ามันรู้ตัวแล้ว
"ว้ายยยยยยย!!!!! มันรู้ตัวแล้ว~~~!!!!" หล่อนโวยวายหนัก มันค่อยๆเข้ามาใกล้ๆ เอรินหันกลับมาหาแฟลช แต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า
แฟลชวิ่งโกยไปนู่นแล้ว.... "ไอปอดเอ๊ย~รอด้วยซิย้า~~~!!!" เอรินเริ่มซอยเท้าวิ่งหนีบ้าง มันปล่อยลำแสงสีใสไล่ยิงเอรินและแฟลชเป็นระยะๆเอรินตกใจหนักกว่าเดิม
ความเร็วในการวิ่งของหล่อนเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว(นี่คือสปิริตของนักวิจัยในการเอาตัวรอด) จนหล่อนวิ่งตามทันแฟลช
"ยัยบ้า...วิ่งติดกันเดี๋ยวโดนสอยคู่หรอก" แฟลชเริ่มวิ่งไปด้านข้าง "ไอบ้า~~! อย่าทิ้งกันสิยะ~!" หล่อนจะวิ่งหันทางตามแฟลชบ้าง แต่ลำแสงสีใสนั่นมาเฉี่ยวโดนปลายเท้า
ของหล่อนพอดี ทำให้เธอล้มลงไป มอนเตอร์ตัวนั้นกำลังขยับมาใกล้ๆ
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!"หล่อนกรี๊ดด้วยเสียงดังสุดชีวิต ทำให้มอนเตอร์ตัวนั้นชะงักลง และหล่อนก็ยังคงกรี๊ดต่อไป....
ดูเหมือนมันจะเริ่มฉุนเฉียวแล้ว มันปล่อยสำแสงรัวยิ่งขึ้น แต่ด้วยเสียงกรี๊ดของเอรินทำให้มันตั้งหลักไม่ได้เซไปเซมา ทำให้ยิงลำแสงไม่โดนเอรินซะที
"รำคาญโว้ย!!!" เสียงนี้คือแฟลชนั่นเอง เขาวิ่งกลับมาแล้วตั้งทอนฟ่าขึ้นยิงมอนเตอร์ตัวนั้นไม่ยั้ง มันเซไปเซมาเรื่อยๆแต่ลำแสงก็ยังคงยิงอยู่ มันยิงไปยิงมากลับไปโดน
คริสตัลขนาดใหญ่ข้างทางลำแสงสะท้อนกลับโจมตีตัวมทันเอง มอนเตอร์ตัวนี้กลายเป็นซากศพไปทันที
แต่เอรินก็ยังกรี๊ดต่อไป(ขาดสติแล้ว) แฟลชเลยเอาสันมือทุบหัวของหล่อนเพื่อเรียกสติ "อ...อะไรยะ! มานั่งเขกหัวกันอย่างีน้รีบพาชั้นหนีไม่ดีกว่าเหรอย้า~!!!!"
หล่อนโวยวายกลับ "อีบื้อ มอนเตอร์ตัวนั้นตายเรียบร้อยแล้ว" แฟลชชี้ไปที่ศพของมอนเตอร์ "อ...เออ จริง" สติของหล่อนกลับมาแล้วและหน้าแดงเพราะอายกับการที่ตัวเองกรี๊ดสุดเสียงเมื่อกี้
"พอแล้ว เดินทางต่อเหอะ ฉันขี้เกียจยืนอยู่เฉยๆ..." แฟลชหันหลังเดินไป "อีตาบ้า! ฉันขยับไม่ได้นะย้า~!" เอรินโวยวายพร้อมชี้ไปที่ขาตัวเองที่บาดเจ็บอยู่
"แล้วไง" แฟลชหันกลับมาพูดตัดรำคาญ "ไม่ได้ๆ! นายจะทิ้งฉันไว้ที่นี่ไม่ได้ ฉันๆ...!" ไม่ทันที่เอรินจะโวยวายจบ แฟลชจับขาเอรินแนบหว่างแขนแล้วลากไปทั้งๆหยั่งงั้น
"อ๊ายยยยยยยยยยยย!!!! หัวชั้นจะจมดินแล้ว~!!!!" หล่อนโวยวายอีกรอบ ทั้งๆที่หน้าอยู่ในสภาพแทบถูกับดิน
"หรืออยากนั่งอยู่เฉยๆ แล้วตายตรงนี้" เขาหันกลับมาพูด สีหน้าของแฟลชบ่งบอกได้ทันทีว่าอารมณ์เขาเริ่มจะฉุนเฉียวแล้ว
"(จะว่าไปไอบ้านี่มันมีฝีอมือ ถ้าจะเก่งเลิกหาเรื่องซักพักดีกว่าเเฮะเรา ชิ...)" หล่อนคิดในใจก่อนที่จะเงียบแล้วเปลี่ยนข้างเป็นเอาหลังลงถูกับพื้นแทน
ทั้ง2คนจึงเดินทางตามหาพรรคพวกคนอื่นๆต่อไป........