GAMEINDY: Asura Online
หน้า: [1] 2
ผู้เขียน หัวข้อ: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล (มาแรง!!ตอนที่ 2โพล่มาแล้ว)  (อ่าน 935 ครั้ง)
/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล (มาแรง!!ตอนที่ 2โพล่มาแล้ว)
« เมื่อ: 04-02-2009, 23:04:51 »

นิยายต่อไปนี้....ห้ามคัดลอก หรือดัดแปลงส่วนใดๆทั้งสิ้น นะจ๊ะ^^

อ่านอย่างเดียวไม่เอา แนะนำเค้าด้วยจิ๊ Angry


บทนำ
      ท่ามกลางพระจันทร์สีแดงฉาน หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางวงแหวนแห่งความมืด ที่สลักเต็มไปด้วยอักษรเอลล์โบราณ  หญิงสาวดวงตาสีดำขลับแฝงไปด้วยอำนาจและพลัง ผมสีดำสลวยไปด้านหลัง กำลังพึมพัมบทสวดเอลล์โบราณ
      "ข้าขอมอบพลังทั้งหมดภายในกายข้า ให้แก่ธิดาของข้า ขอพลังของข้า จงปกป้องคุ้มครองนางด้วยเถิด"
ไอพลังสีดำก็พวยพุ่งและตรงไปสุ่งเด็กทารกน้อยตัวเล็กๆที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเธอ  เธอยิ้มให้ลูกของเธอเป็นครั้งสุดท้าย
      "แม่อยากให้เจ้าโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง และงดงาม  แม้แม่จะไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้าเมื่อเติบใหญ่  แต่แม่ก็พอมองออก ตาของเจ้าชั่งเหมือนพ่อเจ้านัก ทั้งงดงาม อ่อนโยน และแข็งกร้าวในเวลาเดียวกัน  จงจำไว้ อย่าอยู่อย่างอ่อนแอ"

ตูมมมม..... เสียงระเบิดดังขึ้น
     "ถ้าเจ้ายังอยากไปเจอหน้าลูกเจ้า จงส่งสร้อยแห่งพลังมาให้ข้า"ชายร่างสูงเอ่ย
     "เจ้าไม่มีวันได้มันไป ป่านนี้เซเรนคงนำมันไปถึงป่าซีรีซ่าแล้วหล่ะ" ชายอีกคนเอ่ย ตาสีเงินแข็งกร้าว ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลกำลังยันตัวขึ้น
     "สภาพแบบนั้นยังคิดจะสู้อีกรึ  ถึงเซเรเนียจะนำไปที่ป่านั้นแล้ว แต่สักวันมันก็ต้องออกจากป่าอยู่ดี  และข้าก็จะรอวันนั้น  เอมิเทียด"ชายร่างสูงเอ่ย และปล่อยพลังสีดำใส่เอมิเทียดที่ยืนแทบไม่ไหว แม้เอมิเทียดจะใช้ดาบขอเขาปัดป้องแต่เขาก็ไม่มีแรงพอที่จะต้านไหว
     "อ๊ากก...." เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะล้มลง
     "เอมิเทียด  ไม่นะ  เอมิเทียด" เซเรเนียวิ่งมาแล้วโผกอดชายอันเป็นที่รัก "ได้โปรด ลืมตามาหน่อยเถอะ" เอมิเทียดลืมตาขึ้นอย่างลำบากแล้วยิ้มให้เธอ  เขายกมือมาลูบใบหน้าที่เขาอาจไม่มีโอกาสเห็นอีกแล้ว  ใบหน้าที่งดงามราวนางฟ้า ที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ  น้ำตาของเธอค่อยๆไหลออกมา
     "ได้โปรด...อย่า.ร้อง...ข้ารักเจ้านะเซเรน"มือเขาตกลงมาอย่างไร้วิญญาณ ขณะที่ชายร่างสูงมองดูอย่างเหยียดหยาม  เซเรเนียหันมามองด้วยสายตาเคียดแค้นอย่างที่สุด
     "โอ้ว...นี่ข้าอุตส่าร์ปล่อยให้พวกเจ้าร่ำลากันก่อนตาย  เจ้ากลับมามองข้าตัวสายตาอย่างนั้นหรือเซเรเนีย" ชายร่างสูงยิ้ม
     "ข้าจะฆ่าเจ้า  เดลซ่า"
     "หึ...ข้าว่าข้าต่างหากที่จะฆ่าเจ้า  นำสร้อยแห่งพลังมา  ไม่งั้นลูกของเจ้าก็จะไม่รอดเหมือนกันเจ้า" ชายร่างสูงนามเดลซาเริ่มเดินมาใกล้เรื่อยๆ แม้จะไม่เห็นลูกของนาง แต่เขาก็รู้ว่าจะต้องเอาไปซ่อนไว้แน่
     "เจ้าไม่มีวันจะแตะลูกข้าได้  ข้าแด่สร้อยแห่งพลัง  ข้าขอพลังที่จะฆ่าปีศาจชั่ว  จงนำพลังมาให้ข้าเถิด  แม้ข้าจะสิ้นชีวี ข้าก็จะยอมแลก" มือเล็กๆค่อยๆกุมสร้อยที่คล้องคออยู่ แสงสีขาวค่อยๆเล็ดลอดผ่านนิ้วเรียวยาว แสงสีขาวเริ่มสว่างจ้าออกมาจากสร้อยและค่อยๆคุมร่างกายเธอ
     "อะไรกัน?"เดลซาปล่อยพลังสีดำที่รุนแรงใส่เซเรเนีย แต่กลับไม่เป็นผล ร่างกายเธอเริ่มขาวไปเรื่อยๆจนกระทั่งแสงสีขาวคลุมร่างเธอไปจนหมด  และแสงก็ค่อยๆหายไป เดลซาค่อยๆเอามือที่ยกมาบังแสงลง  ภาพที่เห็นคือหญิงสาวที่งดงามราวกลับนางฟ้า  ผมสีขาวที่สยายไปด้านหลัง  แม้แต่เดลซายังตะลึงในความงดงามของนาง
     "เจ้าเป็นใคร" เดลซาถามอย่างงงงวย  เมื่อหญิงสาวตรงหน้าไม่เหมือนเดิม
     "ข้าคือคนที่จะมาฆ่าเจ้า" ไม่ขาดคำ หญิงสาวปริศนาก็พุ่งตรงมาหาเดลซาอย่างไม่กลัวเกรงต่ออำนาจแห่งมนต์ดำ  พลังเวทย์ปะทะพลังเวทย์ สีขาวและสีดำปะทะกันกลางอากาศ เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว สัตว์ป่าแตกตื่น เด็กน้อยที่ถูกซ่อนไว้ในโพรงไม้สีขาวเรืองแสงร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ดังพอที่จะไปถึงที่นั่นได้
     บัดนี้จอมเวทย์ปะทะพลังกันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ ป่าราบเป็นหน้ากลอง พลังสีขาวและดำแผ่ไปทั่ว แต่พลังของเซเรนเนีย ยิ่งสู้พลังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เดลซาเริ่มอ่อนแรงลง
     "เจ้าจงตายไปพร้อมกับข้าเถิด" เซเรเนียทุ่มพลังทั้งหมดออกไปใส่เดลซา ก้อนพลังสีขาวใหญ่มหึมาอยู่ตรงหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ก้อนพลังโดนเข้ากันเดลซาอย่างรุนแรง แม้เขาจะใช้เวทย์คุ้มครองตัวเขาไว้ แต่ก็ทนไม่ได้นาน เสียงร้องอันเจ็บปวดดังกึกก้อง
     "เซเรเนีย เจ้าจงจำไว้ ลูกของเจ้าจะถูกลูกชายของข้าฆ่า นี่เป็นคำสาป" สิ้นเสียงร่างนั้นก็ค่อยๆแหลกสลายไปเป็นควันดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
     "หากนางจะตายก็ไม่ได้เกิดจากฝีมือลูกของเจ้า"นางไม่อยากกำหนดชะตาชีวิตของลูกนางไปมากกว่านี้ นางแค่อยากให้ลูกของนางไม่ตายเพราะฝีมือปีศาจ นางอยากให้ลูกเลือกทางเดินชีวิตของตัวนางเอง
     ผมนางเริ่มกลับเป็นปกติ พร้อมตาที่ค่อยๆหลับลง  นางหมดสิ้นแรงที่จะลืมตาต่อ นางรู้ว่าเส้นชีวิตของนางได้ขาดลงแล้ว นางไม่ดึงดันจะมีชีวิตต่อไป นางค่อยๆหันไปมองภาพคนรักของนาง "เดมิเทียด" มนุษย์ผู้เดียวที่ทำให้ใจของนางสั่นได้  บรุษที่นางยอมทุกอย่าง ตั้งแต่แรกเจอ เขาและเธอต่างชนชั้นกันอย่างสิ้นเชิง นางเป็นครึ่งเอลล์ครึ่งปีศาจ แต่เค้ากลับเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา อายุขัยของเค้าทั้งสองต่างกันมาก แต่เธอก็ยอมแลกอายุเกือบจะเรียกว่าอมตะ เพื่อไปอยู่กับเขา คนที่เธอรักที่สุด
     "ท่านเซเรเนีย" ชายผมยาวสีขาวถูกมัดรวบไปด้านหลังเอ่ย  ท่าทางกระวีกระวาด ผิวขาวดุหิมะ หูยาวแหลมดูเหมือนหูของนาง ดูก็รู้ว่าเป็นเอลล์ "ท่านอย่าพึ่งตายนะ" เซเรเนียค่อยๆลืมตาขึ้น
     "ลูกข้าอยู่ในโพรงไม้ใต้ต้นพิวเรส เจ้าคงรู้ว่าต้นไหน รีบไป...."เซเรเนียไม่มีแรงจะพูดอีกต่อไปแล้ว ขนตาแพหนาค่อยๆแนบกับแก้มนวล ถึงนางจะตายแต่นางก็ตายอย่างมีสุข อย่างน้อยก็มีคนจะดูแลลูกนางต่อไป
     "ท่านเซเรเนีย ท่านเซเรเนีย" เขาเอ่ยทั้งน้ำตา นายของเขาได้ฝากเขาดูแลเด็กน้อยคนนั้น เขาก็จะดูแลอย่างเต็มที่ "ข้าขอโทษที่มาไม่ทัน ข้าขอโทษ" เขาค่อยๆยืนขึ้น ดูร่างของนางค่อยๆกลางเป็นดวงวิญญาณและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสีทมิน ในที่สุดเรื่องร้ายๆก็จบลง หวังว่าจะสงบอย่างนี้ไปอีกนาน เขาภาวนาอย่าให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีกเลย ไม่นานเอลล์คนอื่นๆก็ตามมาทัน
     "ฝากด้วยนะ ข้ามีที่ต้องไป" เขาเอ่ยขณะกำลังขึ้นม้าสีน้ำตาลเกรียม
     "ครับผม"
     "เจ้าจะไปไหน ซีเรียอัส" หญิงสาวผมขาวโพล่น ดวงตาสีขาวที่ดูเหมือนจะเข้าไปอ่านใจคนตลอดเวลากำลังหรี่ลงด้วยความสงสัย ผมขาวดุดหิมะ ขาวจนเกือบซีด หูยาวแหลมเหมือนเอลล์ทั่วไป แต่ท่าทางของนางดูมีอำนาง น่าเกรงขาว ทุกย่างก้าวเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แม้จะดูสาวแต่นางก็มีอายุมากแล้ว
     ผู้ถูกเรียกมองตามเสียง ซีเรียอัสรีนั่งชั่นเข่า ก้มหน้าลง
     "อ๊ะ...ท่านอนาตาเซีย...ข้าจะไปนำลูกของเซเรเนียมาครับ " เขาเอ่ยอย่างรีบร้อน หญิงสาวตาลุก
     "นี่ลูกของเซเรนยังไม่ตายรึ"


-----------------------------จบบทนำจร้า... สนุกไม๊จ๊ะ มีไรติได้นะจ๊ะ เดี๋ยวจะมาต่อจร้า^^ ---------------------------

วางแผนไว้ว่าจะมีทั้งหมด 3 บท แต่ก็ไม่รู้จะถึงรีป่าว แหะๆ ยังไงก็ขอให้ติดตามกันหน่อยนะ (กลัวไม่มีคนอ่าน) เอิ๊กๆๆ

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #1 เมื่อ: 04-02-2009, 23:19:39 »

น่าติดตาม+สนุกมากๆ Smiley ตอนต่อไปออกไวๆน้า~ laugh

--SeasonS--Sonata
Sr. Member
****
กระทู้: 1,320


ที่ใดมีรักที่นั้นย่อมมีหวัง


Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #2 เมื่อ: 05-02-2009, 12:25:47 »

3 จบหรือ แค่นี้ คือบทนำ

กดหน่อยนะเราเพิ่งจะเล่นจริงๆ  http://www.af.in.th/index.php/p/-SeasonS-?ref=wall-new_monster&wall_id=22400-2010095-0
/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #3 เมื่อ: 07-02-2009, 11:11:05 »

อ้างจาก: --SeasonS--เรากลับมาแล้ว ที่ 05-02-2009, 12:25:47
3 จบหรือ แค่นี้ คือบทนำ

มี 3 บทจร้า

บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล นี่ก็จบบทนำไปแล้ว  เดี๋ยวจะมีต่อ บทที่ 1 ยังไม่จบนะจ๊ะ รับรองว่าตื่นเต้นแน่นอน เรื่องบางเรื่อง อาจเกิดความคาดหมายก็ได้^^


ตอนที่ 1 ของบทที่ 1 ใกล้จะจบแล้ว^^ อีกนิดเดียว มันยากอะ คำพูดบางคำพูดมันคิดหนักอะ กว่าจะได้คำพูดสวยๆออกมาได้ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาคิดชื่อคน เฮ้อ....เหนื่อยเหมือนกันนะ แต่จะพยายาม^^

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #4 เมื่อ: 07-02-2009, 21:35:46 »

เเต่งเรวๆน้า Cry

/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #5 เมื่อ: 10-02-2009, 22:01:32 »

-1-
อดีตที่ไม่อาจจะลืมเลือน

     ต้นพิวเรสใหญ่สีขาวเรืองแสงตั้งตระหง่านท่ามกลางความมืด เด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าขาวนวลแนบกับลำต้น ขนตาแพหนาทาบบนแก้มชมพูเรื่อ จมูกโด่งรับใบหน้า ริมฝีปากอมชมพูไม่ได้แต่งแต้ม มือเรียวยาวกำลังโอบกอดต้นไม้ ผมสีดำแผ่กระจายไปด้านหลังพริ้วไปตามลม
     "มาอีกแล้วนะโร ทำไมเดี๋ยวนี้มาบ่อยจัง" เด็กหนุ่มรูปร่างสูง ผมสีเงินยาวประบ่า ริมฝีปากบางได้รูป ดวงตาสีเทาหม่นถามแต่ไม่ได้มองเด็กสาวตรงหน้าเลย  โรซาร่าลืมตาขึ้น ตาสีเงินประพริบน้อยๆ และค่อยๆหันไปมองก่อนจะหันกลับ "มีเรื่องกลุ้มใจอะไรระบายให้ข้าฟังก็ได้นะ ข้าเป็นเพื่อนเจ้านะ" เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆจับไหล่บางของเด็กสาวให้นั่งลง โรซาร่าค่อยๆซบไหล่เหมือนเช่นเคยทำตอนเด็กๆ ยามใดเมื่อเธอกลุ้มใจ จะมีเขาคอยให้กำลังใจเสมอ
     "ข้าคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่....ตั้งแต่ท่านยายอนาตาเซียเล่าเรื่องพ่อแม่ให้ข้าฟัง ข้าก็ฝันถึงท่านพ่อกันท่านแม่ตลอดเลยดีอาส... " โรซาร่าค่อยๆหลับตาลง ดีอาสมองโดยไม่หันหน้า
     "เจ้านี่น้า...ไหนว่าโตแล้วไง  มีแต่เด็กๆเท่านั้นหล่ะ ชอบเก็บมาคิดจนฝันเพ้อเจ้อ" ดีอาสสายหน้า และแอบยิ้มน้อยๆ
     "เอ๊ะ...เจ้านี่...จะมาปลอบข้ารึจะมาแกล้งข้ากันแน่" เด็กสาวยันตัวลุกขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินครามจ้องเขม่ง ก่อนจะถอนหายใจ "ก็จริงของเจ้าว่า ข้าโตแล้ว...แต่ว่า ข้ายังสงสัย ทำไมท่านพ่อถึงเจอกับท่านแม่ได้ แล้วทำไมท่านแม่ถึงเป็นครึ้งเอลล์ครึ้งปีศาจ ทำไมเดลซาถึงต้องการสร้อยแห่งพลัง แล้วตอนนี้สร้อยนั่นอยู่ที่ไหน แล้ว..." ยังพูดไม่ทันจบดีอาสก็สายมือไปมา
     "หยุดๆๆๆ หยุดเลย เจ้าคิดมากไปแล้วนะ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้ เจ้าจะสงสัยไปทำไม สักวันเจ้าก็จะรู้เองหล่ะหน่ะ เจ้าก็รู้หนิว่า ความลับไม่มีในโลก" โรซาร่าหัวเราะกับคำพูดของดีอาส ความจริงคำพูดนั้นเป็นของเธอที่เธอเคยพูดกับดีอาสบ่อยๆ
      "นั่นมันคำพูดข้านะ"
     "แค่ยืมมาพูดนิดเดียวเอง" ดีอาสยิ้ม "เรากลับกันเถอะ"


     "พวกเจ้าไปไหนกันมา รู้ไม๊ข้าเป็นห่วง ในป่าถึงพวกเจ้าจะคุ้นเคยดี แต่ก็ยังมีอันตรายอยู่นะ ชอบแหกกฏเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิดเลยนะโรซาร่า" อานาตาเซียบ่นหลานตัวดีของนาง ดีอาสหัวเราะเบาๆ "เจ้าก็เหมือนกันดีอาส ทำไมไม่รู้จักห้าม ยังจะสนับสนุนกันอีก เฮ้อ....ข้าไม่รู้จะทำยังไงกับพวกเจ้าแล้ว ไปนอนเถอะทั้งคู่ จริงๆเลยนะพวกเจ้า" นางสายหน้ากับหลานตัวแสบทั้งสอง
      "ท่านยายคะ หลานขอถามอะไรหน่อยได้ไม๊คะ" โรซาร่าเอ่ยขึ้น
      "มีอะไรรึ"ผู้เป็นยายถามอย่างสงสัย ดีอาสรู้ว่าโรซาร่าจะถามอะไร ความจริงเขาก็ไม่อยากรู้สักเท่าไหร่นัก แต่ยังไงซะ เขาก็ยังไม่ง่วง เขาจึงอยู่ฟังด้วย "งั้นถามมาสิ ถามยายตอบได้ ยายก็จะตอบ อืม...ยายว่าเราไปหาที่นั่งกันเถอะ"
     ทั้งสามยายหลานมานั่งที่ระเบียง  ดาวบนฟ้าส่องแสงรับแสงจันทร์ยามราตรีสวยงามนัก แต่แทนที่จะปกคลุมด้วยความเงียบ ก็มีเสียงเล็กๆค่อยๆเอ่ย
      "ทำไมท่านพ่อกับท่านแม่ถึงเจอกันได้ แล้วทำไมท่านแม่ถึงเป็นครึ่งเอลล์ครึ่งปีศาจ ทำไมเดลซาถึงต้องการสร้อยนั่น แล้ว..." โรซาร่ากำลังจะถามต่อ ยายของเธอก็ห้ามไว้ก่อน
      "ใจเย็นๆหลานรัก ยายจะขอตอบทีละคำถามดีกว่านะ" เธอหยุดยิ้มก่อนจะพูดต่อ "ยายคงเล่าให้หลานฟังไม่ละเอียดสินะ เจ้าคงจะยังคาใจอยู่ เอางี้ยายจะเล่าตั้งแต่ยายของหลาน อ้อ...ยายหมายถึงแม่ของแม่หลานนะ หลานคงจะรู้ดีนะ ว่าแม่ของหลานเป็นลูกบุญธรรมของยาย ยายที่แท้จริงของหลานชื่อ ลูเซีย ลูเซียเป็นเอลล์ที่สวยมากแต่นางก็เหมือนหลาน เป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่ในกฎ นางเป็นคนรักอิสระ  นางไม่ชอบให้คนมาขีดเส้นชีวิตของนาง วันหนึ่ง......"
     
       "ท่านครับ เหล่าทูฑมาแล้วครับ" ทหารเอลล์คนหนึ่งโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะค่อยๆ  ก้าวถอยออกไปหนึ่งก้าว
       "อืม...ข้ารู้แล้ว  เชิญพวกเค้าที่ห้องโถงใหญ่เลย" ชายแก่เอ่ย เคราสีเงินยาวตัดกับชุดสีน้ำเงินเข้ม ดูแล้วก็รู้ต้องเป็นพ่อมดที่เก่งกาจแน่นอน "เดี๋ยว...เรียกลูเซียมาด้วย"
      "ครับ" ทหารเอลล์รับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
      "เฮ้อ....ไม่นานข้าก็ต้องไปแล้วสินะ" ชายแก่เอ่ย ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้แต่เพียงความเงียบ
       
      ชายแก่ค่อยๆเปิดประตูบานใหญ่ ลวดลายประตูแสดงถึงความงดงามโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ภายในห้องมีภาพมากมาย ล้วนงดงาม แต่กลับไม่มีผู้ใดคิดจะชมมันเลย ภายในห้องแม้จะมีคนอยู่ในห้อง แต่กลับถูกปกคลุมด้วยความเงียบ
       "โอ้ว...ไม่ได้เจอกันนานนะ เดโซเพื่อนรัก" ชายแก่เดินไปกอดทักทาย บรุษที่มีอายุพอๆกัน ชุดคลุมยาวสีดำที่บรุษใส่อาจจะดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้ว ไม่เป็นอย่างนั้นเลย
       "เจ้าแก่ลงเยอะเลยนะ....พอร์ตัส" เดโซ แซวเพื่อนอย่างสบายใจ ทั้งๆที่การมาครั้งนี้ เขาอาจไม่ได้กลับไปอีกแล้ว  "โอ้ว..ข้าลืมเลยทีเดียว นี่ลูกข้า เคซาส" เดโซผายมือไปยังชายหนุ่มผมดำยาวที่ผูกด้วยเชือกเส้นเล็ก นัยตาคมกริบกำลังวิเคราะห์ชาย ชุดคลุมยาวสีม่วงตัดดำดูมีสง่า
       "ว่าแต่ เจ้าแห่งดินแดนปีศาจมาที่นี่มีธุระอะไรรึ"
       "ข้าจะไปดินแดนอมตะพร้อมกับเจ้า ข้าเบื่อที่จะอยู่ดูโลกใบนี้แล้ว งานทั้งหมดข้าก็จัดการยกให้เคซาสไปหมดแล้ว" เดโซตอบยิ้มๆ "เจ้าอาจนึกในใจคนอย่างข้านี่หรือจะไป แต่ข้าตัดสินใจแล้ว" พอร์ตัสมองลึกเข้าไปในตาของเพื่อนรัก
         "ได้...ข้าเข้าใจแล้ว แล้วนี่หลานเจ้ามาทำไมรึ" ยังไม่ทันจะตอบอะไร ประตูบานใหญ่ก็เปิดออกอีกครั้ง หญิงสาวผมสีเงินสลวยมัดครึ่งหัว ปล่อยผมที่เหลือพลิ้วสลวยตามแผ่นหลัง  ชุดสีเงินเรียบๆดูเรียบร้อย ดวงตาบ่งบอกถึงความฉงน "โอ้ว...มาแล้วรึ....นี่ลูกคนสุดท้องของข้าเอง ลูเซีย" เขาพูดไม่ได้สังเกตปีศาจหนุ่มยืนนิ่งดั่งถูกมนต์สะกด  หญิงสาวคนนี้ชั่งดูเหมือนนางไม้ในรูปวาดที่เขาเคยเห็นแม่ของเขาวาดครั่งเมื่อเขายังเล็กอยู่นัก นางค่อยๆย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพ
        "สวัสดีค่ะ ท่าน...ทั้งสอง" นางสะดุดเมื่อได้สบตากับปีศาจหนุ่ม
        "อืม...เรามาคุยกันต่อเลยนะ" พอร์ตัสเริ่มเบนความสนใจ "ลูกรัก...พ่อจะไปดินแดนแห่งความอมตะ ลูกคงรู้แล้วสินะ ต่อจากนี้ เจ้าคงต้องดูแลที่นี่"
      "แต่ว่าท่านพ่อ..."เสียงเล็กๆกำลังจะเถียงแต่พอได้สบกับสายตาของผู้เป็นพ่อก็ต้องหยุด "ค่ะ..ลูกเข้าใจแล้ว แต่ทำไมไม่ให้ท่านพี่อนาตาเซียหล่ะคะ"ลูกเซียถามด้วยความสงสัย
      "อืม..ยังไงซะพ่อก็อยากให้เจ้าดูแลที่นี่มากกว่า"พอร์ตัสเว้นช่วง"เอาหล่ะ อีก 2 วัน เรือก็จะมารับแล้ว เดี๋ยวข้าจะให้คนที่นี่เตรียมที่พักให้แก่พวกท่านนะ"
     "ขอบใจเจ้ามากนะ อ้อ... ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับเจ้าเยอะเลย นี่ข้าไม่เจอเจ้ามากี่ปีแล้วนะเนี่ย" ดูท่าเดโซคงจะคุยกับพอร์ตัสเพื่อนเก่านานทีเดียว
      "โอ้ว...ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้าหลายเรื่องเหมือนกัน อ้าว..เด็กๆ อย่าว่าอย่างนู้อย่างนี้เลยนะ พวกเจ้าไปได้แล้ว ปล่อยให้คนแก่คุยกันตามประสาคนแก่เถอะนะ" พอร์ตัสพูดยิ้มๆก่อนที่จะคุยกันเดโซต่อ
      เสียงประตูปิดลง สายตาของลูเซียสบกับเคซาส เหมือนสิ่งรอบข้างจะค่อยๆหายไป เหลือไว้เพียงคนสองคน สายตาทั้งคู่แสดงถึงความรัก รักมาก ทั้งที่พึ่งเจอกันเป็นครั้งแรก หรือนี่จะเรียก รักแรกพบ
      ดวงดาราฉายแสงแข่งกับแสงดาวนับล้านดวงที่สุกสกาวอยู่เต็มท้องฟ้า เสียงเพลงค่อยๆบรรเลงท่ามกลางความเงียบ ลูเซียยืนอยู่ระเบียงกำลังนึกถึงบุรุษที่ทำให้ดวงใจนางเต้นแรงได้ขนาดนั้น เสียงฝีเท้าดังอยู่ด้านหลัง
      "ท่าน..." เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
      "..ท่าน...พูดมาก่อนสิ..." เสียงเล็กๆเอือนเอ่ย เคซาสอาจไม่สังเกตเห็นตอนนี้ลูเซียหน้าแดงมาก
      "อืม...เสียง..เสียงดนตรีนี่มาจากไหนรึ" เคซาสเอ่ยอย่างสงสัย
      "เสียงนี่มาจากต้นไม้ ต้นพิวเรส ต้นสีขาวเรืองแสงที่ท่านเห็น ไม่ใช่แค่ต้นไม้ประหลาดๆต้นหนึ่งเท่านั้น ต้นไม้พวกนี้มีนางไม้สิ่งอยู่ พวกนางบรรเลงเพลงต้อนรับท่าน" ลูเซียอธิบาย เคซาสมองเธออย่างตั้งใจ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หน้าเขาขาวๆของเขาแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศเสียอีก "ท่านมองอะไร?"
     "ก็ข้ากำลังฟังท่านอยู่" ลูเซียหน้าแดงขึ้นมาทันที สายตาทั้งคู่ประสานกัน ลูเซียเริ่มรู้สึกว่า จ้องตานานไปแล้ว เธอจึงหันหน้าหนี
      "ข้าว่าข้าไปนอนดีกว่า" ลูเซียรีบวิ่งไปทันที เคซาสยิ้ม เขาเริ่มคิดว่าเขารักหญิงสาวที่พึ่งเห็นหน้ากันไม่กี่ชั่วโมงซะแล้ว

      "ลูเซีย..พ่อขอคุยด้วยได้รึป่าว" พอร์ตัสเรียกลูกสาวที่กำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่ง ในมือมีหนังสือเล่มหนาปกเขียว ข้างๆก็มีอีกหลายเล่ม ท่าทาง 1 วันคงจะอ่านไม่หมดแน่  นางค่อยๆปิดหนังสือ ขยับตัวพอให้พ่อนั่ง
      "มีอะไรหรือคะ" ลูเซียถามอย่างสงสัย
      "พ่อรู้นะว่าลูก...รัก เคซาส  สายตาลูกมันบ่งบอก"
     "ท่านพ่อ..."
     "หรือจะไม่จริง แต่ลูกคงจะรู้นะว่า เผ่าลูกกับเค้าต่างกัน ลูกเป็นเอลล์ เค้าเป็นปีศาจ ก็เหมือนสีขาวกับดำ ถ้าผสมกัน ก็จะเป็นสีเทา ลูกน่าจะเข้าใจ ถ้าลูกรักแล้วลูกเกิดตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกัน ลูกของลูกก็จะเป็นลูกผสม พ่อไม่อยากให้หลานของพ่อต้องโดนล้อ  พ่ออยากให้ลูกตัดใจซะตอนนี้" ลูเซียเงียบ นางเข้าใจที่พ่อนางพูด นางก็คิดอย่างนั้น แต่ทำไมใจนางไม่ฟังเลย ใจนางเรียกร้องหาเค้า ทั้งที่พูดกันไม่ถึง 10 คำ เจอหน้ากันไม่ถึง 1 เดือน แต่ใจนางกลับร้องหาเค้าอยู่ตลอดเวลา หรือนี่จะไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความหลงกันแน่
      "ลูกเข้าใจ" พอร์ตัสไม่อยากจะพูดแท่งใจลูกไปมากกว่านี้
      "พ่อไปก่อนนะลูก" นางพยักนาง ลูเซียคิดถึงคำพูดของพ่อ นางจะทำยังไงกับใจนางดี


------------------------------------------------------

เย้ๆ... เสร็จแล้ว เหนื่อย (ดองงานมานานละ) ช่วงนี้ใกล้สอบอะ เลยไม่ค่อยจะมีเวลาว่างสักเท่าไหร่ คงจะนานหน่อยนะ^^
         
   

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #6 เมื่อ: 10-02-2009, 22:04:17 »

ชื่อตัวละครจำยาก Wink เผ่าเอลฟ์กะคงงี้เเหละ Evil

เนื้อเรื่องน่าติดตามดี Smiley

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #7 เมื่อ: 11-02-2009, 22:20:42 »

เเต่งต่อไวๆน้า Smiley

~:•悪魔猫。<แมวปีศาจ>•:~
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 16,568


ทำไมพักนี้ดราม่าเยอะจังฟะ - -*


Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #8 เมื่อ: 12-02-2009, 05:31:16 »

แต่งได้น่าอ่านมากตั้งแต่เริ่มเลย Smiley

มาตรฐานการวางโครงเรื่องก็ดูดีนะ ใช่

รักษามาตรฐานนี้ไว้ในบทต่อๆ ไปด้วยนะจ๊ะ Smiley

รอติดตามอ่านอยู่เน้อ รัก


/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-02-2009, 13:00:08 »

ขอบใจจร้า^^


จะพยายามนะจ๊ะ

ยังไงก็ มีไรติชมกันได้นะ^^

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #10 เมื่อ: 23-02-2009, 23:12:39 »

เเต่งต่อรึยัง Sad

อยากอ่าน Cry

/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล
« ตอบ #11 เมื่อ: 21-10-2009, 19:20:12 »

อ่า...โทดทีหายไปเกือบปี

พึ่งกลับมาเล่น .... (กำลังโหลดอยู่ ขอกำลังใจหน่อย)

อือ.... เดี๋ยวมาต่อนะ รู้สึกจะอยู่ในคอมอีกเครื่อง เกือบเสร็จแล้ว (ใช้เวลาที่หายไปให้เกิดประโยชน์)

เอิ๊กๆๆๆ... อะเค เดี๋ยว มาอัพ

/人◕ ‿‿ ◕人\
Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 2,715


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล [อัพเดดตอน 2 บทที่ 1]
« ตอบ #12 เมื่อ: 21-10-2009, 20:13:09 »

-2-
เสียงเรียกร้องจากหัวใจ

     เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หมู่แมกไม้ขับกล่อมเสียงเพลงแห่งความสุขต้อนรับเช้าอันสดใส แต่จิตใจลูเซียตอนนี้กำลังสับสน ลูเซียเดินไปตามริมระเบียงด้วยความกังวลใจ
      "เราจะทำยังไงดี" เธอคิดในใจ
      "โอ๊ะ..."เสียงเล็กๆดังขึ้น เหมือนร่างกายไปชนอะไรบางอย่าง ลูเซียค่อยๆเงยหน้าขึ้น หน้าเธอกลับแดงขึ้นมาเฉยๆ เมื่อคนที่เธอเดินชน กับเป็นคนที่เธอกำลังคิดถึงอยู่ในตอนนี้ "เออ...ข้าขอโทษ" เธอกำลังจะเดินหนี
      "เดี๋ยว.."คนตัวสูงกว่าเรียกเธอไว้ "คือ..ข้าขอคุยอะไรด้วยได้ไม๊ " เธอคิดอยู่สักพัก
      "ได้สิ"

     คนสองคนเดินไปตามระเบียงสีขาว ที่ประดับด้วยเถาวัลย์  ต่างคนต่างเงียบ
          "ท่านมีอะไรจะพูดกับข้ารึ" ลูเซียถามด้วยความสงสัย
          "คือว่า...ข้า..พูดยากจัง" เคซาสหน้าแดง ลูเซียเริ่มเดาออกแล้วว่าเค้าคิดจะพูดอะไร แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจ "ข้ารักจะ.."
     "หยุดก่อน" ลูเซียคิดแล้วว่าเค้าจะพูดคำนี้ "อย่า ได้โปรด อย่าพูดคำนั้น" น้ำใสๆค่อยๆไหลออกจากตาของเธอ
          "อ๊ะ..ท่านไม่ได้รักข้าหรือ.. ข้านึกว่าท่านคิดอย่าเดียวกันกับข้าซะอีก" สายตาของเคซาสมองลงต่ำ "ข้าคิดเสมอ ว่าจะมีใครคอยอยู่เคียงข้างข้า ในวันที่สุขหรือทุกข์ คนๆนั้นจะไม่ไปไหน ข้านึกว่าคนๆนั้นจะเป็นเจ้า  ข้าหลงรักเจ้า ... ใช่.. ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกเจอ   ดวงตากลมโตดุจกวางป่า ผมสีเงินดั่งแสงจันทร์ทราที่ฉายท่ามกลางความมืดมิด  ครั้งแรกที่ข้าได้พบเจ้า ข้ารู้สึกเหมือน ข้าอยากจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า ข้าอยากอยู่เคียงข้างเจ้า แม้ไม่ต้องเอ่ยปากพูดคุยกัน ข้าก็รู้สึกถึงความรู้สึกภายในของเจ้า แม้เพียงสบตา ... เจ้าเหมือนแสงสว่างในหัวใจข้านะ ลูเซีย" เคซาสเอ่ย ความรู้สึกภายในของเขา ทำไม เขาไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างที่รู้สึกกับลูเซียมาก่อนเลย  แต่ทำไมลูเซียถึงไม่รักเขา ทั้งๆที่เหมือนลูเซียจะมีใจให้เขาเหมือนกัน
            "ข้า... ข้าขอโทษ แต่ข้ารู้สึกกับเจ้านอกจากแขกที่มาเยือนไม่ได้ ข้าไม่ได้รักท่าน ได้ยินไหม ข้าไม่ได้รักท่าน" เธอฝืนใจตัวเอง เธอพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตากลับไหลออกมา
            "ท่านฝืนใจตัวเอง" เคซาสพยายามไม่เชื่อในสิ่งที่ลูเซียพูด เขาไม่อยากให้ใจเขาเจ็บไปมากกว่านี้
            "ไม่จริง ข้าพูดมาจากใจ"
      "ถ้าเจ้าไม่ได้ฝืนใจตัวเอง แล้วทำไมเจ้าต้องร้องไห้ด้วย ลูเซีย เจ้าบอกความจริงมาเถอะ ข้าขอร้อง.." น้ำตาของลูกผู้ชายเริ่มไหลออกมา ทำไมเรื่องแค่นี้เขาต้องร้องด้วย แม้ว่าร่างกายเขาจะเคยเจ็บปวดมามากเขาก็ไม่เคยที่จะเสียน้ำตาให้  แต่ทำไมแค่ผู้หญิงคนเดียวที่รู้จักกันได้ไม่นานกลับทำให้ใจเขาเป็นแบบนี้
           "ได้.. ข้ารักท่าน ท่านพอใจหรือยัง ข้ารักท่าน.... รักมาก ข้าไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน  แต่ข้าไม่อาจจะตอบสนองต่อท่านได้  ท่านก็รู้ เราต่างกัน ท่านเป็นปีศาจ ส่วนข้าเป็นเอลล์ ข้า..ไม่รู้จะทำยังไง ข้า..ข้า.." ลูเซียได้แต่ร้องไห้ เธอค่อยๆปาดน้ำตา "ทำไมฟ้าถึงกลั่นแกล้งข้า ทำไมฟ้าไม่ส่งข้ามาเกิดในฐานะมนุษย์ธรรมดา ทำไม ทำไม.. ข้าขอเสียสละชีวิตอมตะแลกกับการที่ได้อยู่กับท่าน"
     "ลูเซีย... แต่ข้าไม่เคยโทษฟ้าเลยนะ "  เคซาสยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่เศร้าสร้อยก็เถอะ "เพราะฟ้า ทำให้เราได้มาพบกัน เพราะฟ้า ทำให้ข้าได้รักเจ้า และเพราะฟ้า ทำให้เจ้ารักข้าตอบ แม้ว่าเราจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ข้าอยากให้เจ้าจำไว้ว่า ข้าจะ.." เคซาสค่อยๆโน้มหน้าขาวลงไปหาลูเซียเรื่อยๆ จนกระทั่งหน้าผากของทั้งคู่แนบกัน "รักเจ้าตลอดไป..." ริมฝีปากทั้งคู่ประกบกัน เสียงทุกสรรพเสียงเงียบลง คงไว้แต่เสียงหัวใจสองดวงที่ร่ำร้องหากัน แต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้


      "ท่านพ่อ" ลูเซียเอ่ยเบาๆดังเสียงกระซิบจากลม หลังจากเรือแล่นออกจากท่า "โชคดีนะคะ"
   "ไม่ต้องห่วงหรอกน้องรัก " พี่สาวคนเดียวของเธอ อนาตเซีย เอ่ยปลอบใจน้องสาว  "เจ้าต้องเข้มแข็งนะ เพื่อเป็นหลักให้แก่เผ่าพันธ์ของเรา"
   "แต่ว่าท่านพี่ น้องไม่อาจจะทำตามคำสั่งท่านพ่อได้ พี่เป็นประมุขเถอะ น้องไม่มีความสามารถพอ" เธอเอ่ยเสียงอ่อย พี่สาวเพียงคนเดียวของเธอจับบ่าเธอ
       "น้องคิดว่า น้องเป็นคนตัดสินใจว่าน้องสมควรเป็นประมุข หรือประชาชนเป็นคนตัดสินใจว่าใครสมควรเป็นประมุข  คนที่ตัดสินใจไม่ใช่เรา แต่เป็นคนรอบข้างต่างหาก ไม่ใช่ว่าน้องไม่คู่ควร หรือพี่ไม่คู่ควร แต่ฟ้าได้ลิขิตไว้แล้ว คนที่ได้เป็นประมุขไม่ใช่พี่ แต่เป็นน้อง พี่ไม่สมควรได้ตำแหน่งที่ไม่ใช่ของพี่ น้องรู้ดี ว่าน้องคือใคร" เธอกล่าวเตือนสติน้องสาว  และก็ดูเหมือนน้องสาวเธอจะเข้าใจ
       "ค่ะ" เพียงคำเดียวสั้นๆที่เอ่ยออกมา บวกกับสายตาอันมุ่งมั่น ก็ทำให้อนาตเซียรู้ว่า น้องของเธอต้องทำได้แน่  ปิศาจหนุ่มมองอยู่ห่างๆ เขาเองก็ต้องดูแลประชาชนของเขาเช่นกัน 
        ก่อนออกจากท่าเรือ ลูเซีย มองเคซาสนิดๆ ก่อนถอนหายใจเบาๆ นับจากวันนี้ เธอจะไม่ได้เจอเค้าอีกแล้ว จะไม่ได้เจอผู้ที่ครอบครองหัวใจเธอ จะไม่ได้เจอหน้าคนที่เธออยากเจอที่สุด ทำไม เธอถามกับตัวเอง ทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องพรากจากคนรักเสมอ ทั้งท่านแม่  ท่านพ่อ แล้วนี่คงจะเป็นเค้า
        จากคนร่าเริง มีรอยยิ้มให้กับทุกคน กลายเป็นคนเงียบ เสียสละตนเพื่อประโยชน์สุขของเผ่าพันธ์ งานราชกิจ ต่างๆ เข้ามามาก ทั้งเรื่องตราแห่งมหาเวทย์ที่ต้องหาผู้ครอบครองให้ได้ คริสตัสเมนเดวที่หายไปจากสวนมินไนท์ กลางพระราชวังฮอล์ลิส  และยังต้องเก็บรักษาสร้อยแห่งพลัง ที่ว่ากันว่า มีพลังมากมายซ่อนเร้นอยู่  แม้งานจะมีเข้ามามาก แต่ก็ไม่เคยจะบ่น เพื่อทุกคน

       "แล้วทำไมตอนนั้นท่านยายถึงไม่ขึ้นเป็นประมุขหล่ะคะ" เสียงใสเอ่ยถาม ผู้เป็นยายหัวเราะ
        "อย่างที่ยายบอก มันไม่ใช่ตำแหน่งของยาย" ดีอาสนั่งฟังอย่าเงียบๆ "เคยมีผู้ทำนายไว้ว่า ลูเซียเท่านั้น ที่สมควรสืบตำแหน่งประมุขของเผ่ารุ่นต่อไป"
       "แต่ ทำไมต้องเป็นลูเชียเป็นผู้ถูกทำนาย" เด็กสาวไม่ได้เรียกว่ายาย อาจเป็นเพราะไม่เคยรู้จักกันก็เป็นได้
       “ข้อนี้  สักวันหลานจะรู้เอง” อนาตเซียยิ้ม “นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปนอนเถอะ”
        “ค่ะ” โรซาร่าลุกขึ้นและเดินออกไป ก่อนจะหยุดรอดีอาส   ดีอาสลุกขึ้นช้าๆพลางบิดขี้เกียด
ทั้งสองเดินไปตามทางเดิน ดีอาสสังเกตโรซาร่า 
        “โร” ดีอาสทักเบาๆ
         “?”
         “คิดว่ามีอะไรแปลกบ้างไหม๊”
          “อืม”
....................................................................................
          “พรุ่งนี้ไปน้ำตกกันไม๊”
           “อ๊ะ..”  โรซาร่างงนิดๆ  “ไปทำไมหรอ”
           “ก็ป่าวหรอก ไม่ได้ไปนานแล้ว ก็เลยอยากไป”  โรซาร่ามองดีอาส  ก่อนจะยิ้มน้อยๆ
   “อยากย้อนความหลังหรอ” ดีอาสหัวเราะก่อนจะลูบหัวโรซาร่า
   “เธอนี่รู้ไปหมดทุกอย่างเลยนะ”
   “ก็ฉันเป็นเพื่อนรักของนายนี่นา” โรซาร่าแลบลิ้นให้ดีอาสก่อนจะวิ่งเข้าห้องไป
   “ใช่ ...เพื่อนรัก” ดิอาส พึมพัมคนเดียวเบาๆ 

                ภายในห้องเงียบสนิทเหมือนคนในห้องหลับแล้ว แต่ก็เปล่า เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องยังลืมตาอยู่ เขานึกถึงเมื่อยังเด็กก็อมยิ้ม

   เด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังฝึกล่าสัตว์ด้วยธนูอยู่ในป่า เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาค่อยๆย่องตามกวางที่พึ่งไล่มาแม้จะแผ่วเบาขนาดไหนก็ไม่พ้นหูของกวางป่าแห่งป่าพิวเรสได้
   “ชิ..”
   เด็กน้อยสบถเมื่อลูกธนูพลาดเป้าหมาย โดนแค่เฉียดๆเท่านั้น แต่คงอีกไม่นานกวางตัวนั้นก็ต้องหยุดแน่เขารู้ เพราะที่ปลายลูกธนูเขาทายาสลบไว้
   “อีกไม่นานล่ะน่า”
   สักพักเขาได้ยินเสียงเหมือนสัตว์ตัวใหญ่ล้มลง
   “หึ”
   เขาค่อยๆวิ่งแวกหมู่พุ่มไม้ตรงไป ใกล้จะถึงแล้ว จะถึงแล้ว.... และแล้ว...
   เขาเห็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยเส้นผมสีดำยาวแผ่เต็มหลัง ดวงตากลมโตสีครามน้ำทะเลสงบนิ่งมองดูกวางใหญ่ที่ใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่านัก มือน้อยๆลูบบาดแผลอย่างบรรจง
     “แผลนิดเดียวเองนี่นา แต่ทำไม....”
   “เป็นเพราะริดยาสลบหน่ะ”
   เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป เด็กหญิงตัวน้อยจ้องมองเหมือนจับผิด คิวขมวดเล็กน้อยทำให้เด็กชายอดมองไม่ได้
   “มองอะไร”
   “มองเธะ..เอ๊ะ... มองกวาง แหะๆ”
   ดูท่าเด็กหญิงตัวจ้องจะไม่เชื่อ เด็กชายหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะทำหน้าเข้ม
   “ตัวนั้นของฉันนะ”
   “แต่ฉันเจอมันก่อน”
   “แต่ฉันล้มมันได้นะ”
   “ไหนหลักฐาน”
   “ก๊ะ....”
   เด็กชายเถียงไม่ออก นี่เขาแพ้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหรอเนี่ย
   “ของเธอก็ได้ ..แล้วเธอจะเอามันไปทำอะไร”
   “รักษา”
   เด็กชายมองเด็กหญิงที่พยายามลากกวางที่ตัวใหญ่กว่าเธอเกือบ 2 เท่า ไปที่ริมน้ำตก ก็ต้องหัวเราะ แรงนิดเดียวคิดจะลากกวางตัวใหญ่หรอเนี่ย
   “ไม่ช่วยก็ไปไกลๆเลยไป”
   เด็กชายหัวเราะแต่ก็เดินไปช่วยเด็กหญิงโดยดีทั้งคู่ทั้งพลักทั้งดันจนไปถึงริมน้ำตก เด็กหญิงค่อยๆเปิดกระเป๋าใบเล็กและเลือกสมุนไพรออกมามากมาย ก่อนจะนำใบหญ้าแดงมาเขี้ยวเด็กชายมองอย่างอึ้งๆ นั้นมันขมนะ เขารู้เพราะมันเป็นหญ้าที่ช่วยให้แผลหายไว
   “เธอชื่ออะไร”
   “โรซ่าร่า”
   “ฉันดีอาส”
   เด็กสาวหันจากการทำแผลกวางมามองทำนอง ‘ใครถามนาย’
   
   ดีอาสนึกถึงตอนเจอกันครั้งแรกก็หัวเราะคนเดียวเบาๆ เด็กผู้หญิงอะไรห้าวเกินกว่าจะเป็นผู้หญิง แถมยังกล้าเกินเด็กหญิง อีกทั้งฉลาดเป็นกรด ฝีปากก็ไม่เป็นรองใคร นี่ล่ะ เสน่ย์ของเธอที่ทำให้เขาได้รู้จักจนเป็นเพื่อนรักเธอจนถึงทุกวันนี้


--------------------------------------------------------
เค้ามาต่อแล้วน้า.... ตอนที่ 3 บทที่ 1 อาทิตย์หน้าจ้า

มีคนอ่านไม๊เนี่ย Angry
ไม่มี   Shocked

สนุกก็ช่วยๆกันดันนะจ๊ะ woon Sad Wink

หลานผู้พันคาร์เตอร์
Asura Tester
Hero Member
*
กระทู้: 2,256

เลื่อนไม่สิ้นสุด .. นิยายฉัน


เว็บไซต์
Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล (มาแรง!!ตอนที่ 2โพล่มาแล้ว)
« ตอบ #13 เมื่อ: 22-10-2009, 10:18:01 »

กลับมาแล้วหรอพี่ หายไปตั้งนาน

จะคอยแอบมาอ่านเน้อ   laugh

ปล. ช่วงนี้นิยายข้าพเจ้า หมดไอเดีย+จะเปิดเทอมแล้ว Embarrassed

一番の宝物
Hero Member
*****
กระทู้: 6,540

.......


Re: ปฐมบท..สงครามชิงภิภพ บทที่ 1 เสียงกระซิบแห่งรัตติกาล (มาแรง!!ตอนที่ 2โพล่มาแล้ว)
« ตอบ #14 เมื่อ: 22-10-2009, 10:24:55 »

สนุก!!!~~~ รัก รัก



ป้าย: นิยาย 
หน้า: [1] 2