มัจจุระคีตะ
*ข้อความในกระทู้นี้ไม่อนุญาตให้นำไปเผยเเพร่ที่ใด ไม่ว่าในกรณีใดๆก็ตาม
******************************************************************
ยามค่ำคืนที่เงียบสนิทในคฤหาสน์สีขาว ท้องฟ้ายามราตรีเบิกกว้างเผยให้เห็นพระจันทร์ส่องเเสงอันอ่อนโยนสะอาดตา เเสงจันทร์สะท้อนระยิบระยับในแอ่งน้ำที่สร้างไว้ข้างหน้าคฤหาสน์ราวกับจะท้าเเข่งรัศมีความงามกับต้นกำเนิดที่อยู่บนฟากฟ้า ต้นไม้นานาพรรณที่ปลูกรายล้อมคฤหาสน์พัดไหวพริ้วตามเเรงลม ถนนที่ปูด้วยหินหลากสีลาดยาวเป็นเส้นทางเเตกเเขนงไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ สายลมโบกโชยพัดเอาเศษใบไม้เเห้งกระกรังไถครูดไปตามพื้นถนนดังโกรกกราก ค่ำคืนนี้ดูจะเป็นคืนที่เงียบสงบชวนให้ผู้คนด้านในคฤหาสน์เคลิบเคลิ้มอิ่มเอิบในนิทรารมณ์ของตนเองเสียเหลือเกิน เเต่จะมีใครล่วงรู้บ้างว่าในไม่ช้าสายลมจะพัดพากลิ่นแห่งโศกนาถกรรมเเละความตายมายังสถานที่เเห่งนี้
ลูฟิน สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกท่ามกลางพวกคนใช้ที่นอนเรียงกันบนพื้นที่เย็นเฉียบของห้องครัว เสียงกรนอันดังสนั่นของคนล้างจานที่นอนอยู่ข้างๆ คงเเทงเสียดเข้าไปในโสตประสาทของเด็กหนุ่มทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึกในคืนอันน่าอภิรมณ์เช่นนี้ เขาบ่นพึมพำเบาๆ อย่างอารมณ์เสียที่จะต้องตื่นมากลางดึกก่อนที่จะเดินไปหยิบกระสอบเก่าๆ ที่กองอยู่ใต้โต๊ะทำครัวมาปกคลุมร่างกายเพื่อไม่ให้ร่างกายหนาวเย็น มองดูเตาย่างเนื้อที่หยิบยืมมาเป็นเตาผิงให้เกิดความอบอุ่นในยามดึกเริ่มวอดลงเเล้ว ลูฟินเดินไปหยิบกิ่งไม้เเห้งๆ ในกองไม้ด้านหลังห้องครัวมากำมือหนึ่งเเล้วโยนลงไปยังเตาผิงชั่วคราวนั้น ไฟที่เกือบจะดับวอดค่อยๆ มีควันขึ้นทีละน้อยจนเกิดเปลวไฟขึ้นมาขับไล่ความหนาวอีกครั้งหนึ่ง เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะนั่งหลับอยู่เบื้องหน้าเตาไฟนี้เเทนการกลับไปนอนเบียดเสียดกับพวกคนครัวเหล่านั้น พลางหลับตาลงนึกถึงภาพอดีตอันมีสุข เสียงหัวเราะของเด็กน้อยกลางไร่ข้าวโพด ผีเสื้อบินว่อนกลางสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้ใกล้กับบ้านหลังน้อย เด็กๆ วิ่งไล่จับผีเสื้อพร้อมเย้าหยอกกันเล่นอย่างสนุกสนาน อ้อมกอดที่อบอุ่นของชายวัยกลางคนที่โอบอุ้มเด็กชายยามหงอยเศร้า น้ำเสียงอันอบอุ่นคอยปลอบโยนยามมีน้ำตา....
ในขณะที่กำลังเคลิ้มหลับอยู่นั้นเอง เด็กหนุ่มได้ยินเสียงพิณบรรเลงเป็นเพลงที่เเผ่วเบาราวกับเสียงภูติกระซิบ เด็กหนุ่มหงุดหงิดที่ต้องถูกรบกวนความสุขในการนอนเป็นครั้งที่สอง พร้อมกับพยุงตัวขึ้นบิดกายเล็กน้อยพลางบ่นอุบอิบเนื่องจากความปวดเมื่อยที่ต้องนั่งหลับ เเล้วจึงขยับเก้าอี้ไม้เก่าๆ ที่พ่อครัวยึดเอาเป็นเก้าอี้ประจำตำเเหน่งไปใกล้ๆกับช่องระบายอากาศเเละเหยียบขึ้นไปดูว่าเสียงนั้นมาจากที่ใด เขากวาดตามองจากช่องระบายอากาศไปรอบๆ ระยะสายตาเพื่อสังเกตว่ามีใครเข้ามาเล่นเเผลงๆ ในเวลาเช่นนี้ พลันเหลือบไปเห็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ใส่เสื้อคลุมสีขาวสะอาดสวมหมวกทรงสูงปีกกว้าง กำลังดีดพิณขนาดใหญ่เป็นเสียงเพลงที่ดังเเผ่วเบาอย่างเศร้าสร้อยอยู่บนเก้าอี้ไม้ยาวสีฟ้าใต้โคมไฟที่เเขวนเอาไว้เพื่อเป็นเเสงสว่างในยามราตรี ลูฟินเเปลกใจเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่เคยพบเห็นชายคนนี้ในคฤหาสน์มาก่อน ใจหนึ่งก็คิดว่าเป็นขโมยอีกใจหนึ่งก็คิดว่าคงเป็นวณิพกผู้ยากไร้ที่เข้ามาอาศัยเก้าอี้ไม้พักพิงเป็นรมณียสถานชั่วข้ามคืน เเต่เมื่อคิดดูเเล้วหากเป็นขโมยคงไม่กล้ามานั่งดีดพิณเย้ยหยันคู่กรณีได้ถึงเพียงนี้
เด็กหนุ่มลงมาจากเก้าอี้เเละยืนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เเล้วจึงหยิบท่อนไม้ขนาดเหมาะมือมาท่อนหนึ่งเพื่อไว้ใช้ป้องกันตัวยามเกิดเหตุฉุกเฉินเเล้วจึงเดินออกมาจากห้องครัวที่เย็นเฉียบลัดเลาะมาตามระเบียงของตึก เมื่อเดินมาถึงทางลงด้านหน้าของตึกซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นชายผู้นั้นได้ชัดเจนที่สุด ชายลึกลับยังคงเล่นพิณต่อไปเรื่อยๆ ราวกับไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ ลูฟินใจเต้นเเรงสองจิตสองใจจะเข้าไปหาชายผู้นั้นหรือจะกลับไปนอนเบียดเสียดกับพวกคนใช้ดี
ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ลูฟินเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ่อนล้า ลมหายใจค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ สายตาเริ่มพร่ามัว มือทั้งสองข้างเริ่มอ่อนเเรง เสียงพิณดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีดนตรีมาบรรเลงภายในหูของเด็กหนุ่ม เสียงท่อนไม้ตกกระทบสู่พิ้นหินตรงทางเดิน เเล้วสติของเด็กหนุ่มก็ค่อยๆ หายไป หายไป....
" ลูฟิน สายเเล้วนะ" น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างกายเด็กหนุ่ม
" รีบๆทำธุระของเจ้าซะ วันนี้เราต้องเร่งเก็บข้าวโพดในเเปลงสุดท้ายให้เสร็จนะ วันพรุ่งนี้จะมีพ่อค้าจากในเมืองมารับซื้อข้าวโพดในหมู่บ้าน ถ้าพลาดครั้งนี้เราสองคนมีหวังต้องลากเกวียนเอาไปส่งเองถึงในเมืองเลยล่ะ" ผู้เป็นพ่อของลูฟินบอกให้ผู้เป็นลูกรู้ถึงงานหนักที่ต้องทำในวันนี้
" พ่อไปรอที่ไร่ก่อนนะ ทำอะไรเสร็จเเล้วรีบตามไปล่ะ" พ่อของลูฟินย้ำอีกครั้งเเล้วก็เดินออกไป
ลูฟินรีบทำตามคำสั่งของผู้เป็นบิดาอย่างกระตือรือร้น เพียงครู่เดียวลูฟินก็ออกมาเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเเละลำธารเพื่อไปหาพ่อที่กำลังทำงานอยู่ในไร่ นานเเค่ไหนเเล้วที่เขาไม่ได้ออกมาเดินชมธรรมชาติอย่างนี้ นานเเค่ไหนเเล้วที่ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำด่าทอของหัวหน้าพ่อครัวที่เขาเคยทำงานอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์สีขาวเเห่งนั้น ผีเสื้อบินไปมาท่ามกลางดอกไม้ป่าข้างทางดูมีความสุขกับการมีชีวิตอันน้อยนิด เด็กหนุ่มเดินไปยิ้มไปอย่างมีความสุขท่ามกลางธรรมชาติอันน่าอภิรมณ์เช่นนี้
เเต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นกลางไร่ข้าวโพด ลูฟินรีบวิ่งไปหาต้นตอของเสียงนั้นทันทีด้วยอารามตกใจ เเล้วเขาก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝันเเละติดตาเขาไปจนวันตาย
ภาพของพ่อเเละคนในหมู่บ้านถูกจับมัดมือมัดเท้าเเละโดนหอกกระหน่ำแทงอย่างโห