ก็เป็นคนนึงที่ไปติดอยู่ในดันกับเค้าด้วยนะคะ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เด้งออกมา
แต่ถ้าให้เดาไม่ทราบว่าเกี่ยวกับการกดออกจากเกมก่อนโดนเซิร์ฟเวอร์ตัดหรือไม่ แบบว่ากลัวของหาย

อันที่จริงตอนที่ทีมงานรีเซ็ทบ้านแล้วตัวยังค้างอยู่ในดันนี้ก็เคยเกิดมาก่อนหน้านี้เหมือนกัน ยังจำได้ว่าน้องคนนึงที่เป็นพระยังเคยไปติดอยู่
แต่ตอนนั้นไม่ได้ไปติดด้วยเลยไม่ทราบว่าเป็นยังไงต่อไป

ตัวเราเองได้บ้านแล้วก็ลงไปเวลในดัน พอรีเซ็ทกลับมาพบว่ายังอยู่ในดัน ก็รู้สึกว่า ลัคกี้ โชคดีจัง   ก็เก็บเลเวลต่อเพราะอยากอัพ
ก็ยังใช้คาถาถอนของทางไกลเบิกยาและกดประกันชั้นดีในการอัพเลเวลอยู่เลย ซึ่งพอได้เลเวลที่ต้องการก็ได้ออกมาจากดัน (อัพอยู่นานเลย)
อันนี้ต้องยอมรับผิดจริงๆ ที่ไม่ยอมออกมาทั้งที่มีการรีเซ็ทแล้วค่ะ

คิดว่าคงไม่ใช่แค่ฟรีด้อมที่เข้าไปเลเวล เพราะกระโป่ยเองก็มีคนไปติดเหมือนกัน และก็ได้เลเวลต่อหลังจากรีแล้ว ส่วนอีกกิลก็มีเหมือนกัน ที่เห็นภาพทางฟรีด้อมชัดกว่าคง
เป็นเพราะกิลฟรีขยันเวลมากๆ เลยติดกันอยู่หลายคน ที่ออกมาพูดเพื่อขอรับผิดด้วยนะคะ ส่วนเรื่องบัคที่มีคนตั้งใจทำเพื่อลงมาเลเวลนั้นก็เพิ่งทราบเหตุผลตอนอ่านบอร์ดนี้นั่นเอง
คิดว่าคงไม่เกี่ยวกับการติดอยู่ที่ดันแล้วเลเวลต่อ แยกเป็นกระทงไปนะคะ   

<a href="http://www.youtube.com/v/A487hyjYQWw&amp;rel=1" target="_blank">http://www.youtube.com/v/A487hyjYQWw&rel=1</a>

"ไอ้ม้าลาย" ยูเวนตุส ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงกลุ่ม เอช. อย่างเหนียวแน่น เมื่อระเบิดฟอร์มบุกไปสยบ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยักษ์แห่งสเปน อย่างราบคาบ 2-0 ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค ทำได้แค่ไล่ตีเสมอ ฟิออเรนติน่า 1-1 เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4
(เมื่อวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2551)

(กลุ่ม เอช.)
เรอัล มาดริด (สเปน) 0 - ยูเวนตุส (อิตาลี) 2
สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด


"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด มีทั้งหมด 6 คะแนน จากการลงสนามสามนัด ตามหลัง ยูเวนตุส จ่าฝูงของกลุ่มเอช. แค่คะแนนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเกมนี้จึงเปรียบเสมือนการชิงจ่าฝูงของกลุ่มไปในตัว


เกมนี้ เรอัล มาดริด ต้องปราศจาก รูเบน เด ลา เร้ด กองกลางตัวเก่งที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ รวมทั้ง เปเป้ ปราการหลังชาวโปรตุเกส บาดเจ็บต้นขาซ้าย ทำให้ต้องปรับมาใช้งาน กาเบรียล อีวาน ไฮน์เซ่ เข้ามาเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่


สามประสานในแดนหน้าได้ รุด ฟาน นิสเตลรอย เพชรฆาตสังหารประตูชาวดัตซ์ หายจากอาการเจ็บหัวเข่าขวา กลับมาล่าตาข่ายร่วมกับ ราอูล กอนซาเลซ กัปตันทีมที่ครอบครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 63 ประตู และ รอยสตัน เดรนเธ่ เนื่องจาก อาร์เยน ร็อบเบน ปีกชาวดัตซ์ มีอาการบาดเจ็บตอนวอร์ม


ทางด้าน "ไอ้ม้าลาย" ยูเวนตุส มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากมายเหลือเกิน โดยแดนหน้าพึ่งพา อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กัปตันทีมคนเก่งล่าตาข่ายกับ อเมารี หัวหอกเชื้อสายบราซิเลี่ยน โดยเกมนี้มี ดีเอโก้ มาราโดน่า กุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่า เข้ามานั่งดูฟอร์มผู้เล่นด้วย


ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้แค่ 7 นาที ราชันชุดชาว ครองเกมได้ดีกว่าและมาทำเสียวเมื่อ [ข้าน้อย]ตี โยนจากขวาเข้ากลาง รุด ฟาน นิสเตลรอย สอดหัวโขกไม่ถึง แต่ อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ นายทวารยูเวนตุส ออกมารับบอลไม่ดีทำลูกกระฉอกออกหลังเสียวไส้


อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 16 กลายเป็น ไอ้ม้าลาย ได้ประตูออกนำไปก่อน เมื่อ มาร์โก มาร์คิออนนี่ ตัดบอลได้กลางสนามแล้วแตะให้ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กระชากไปซัดด้วยซ้ายหน้ากรอบส่งบอลพุ่งเบียดเสาซ้ายงดงามให้ ยูเว่ นำก่อน 1-0


หลังจากนั้น 7 นาที เรอัล มาดริด น่าจะทวงคืนได้ เมื่อ โฆเซ่ มาเรีย [ข้าน้อย]ตี วางมาให้ เซร์คิโอ รามอส แบ็คขวาสอดมาแปเหน่งๆบอลเด้งลงพื้นแล้วลอยข้ามคานนิดเดียว


ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 4 นาที ยูเว่ เกือบจะได้ประตูเพิ่ม เมื่อ กาเบรียล ไอน์เซ่ กองหลังเจ้าบ้านเสียบอลให้ อเมารี ลากไปถึงทางขวากรอบโทษแล้วยิงติดบล็อกบอลเด้งมาเข้าทาง อเมารี อีกครั้งปาดเข้ากลางไม่ดีเลยทำให้ ติอาโก้ เมนเดส ที่อยู่โล่งๆชาร์จไม่ถึง หมดครึ่งแรก ยูเวนตุส บุกมานำก่อน 1-0


เข้าสู่ครึ่งหลังได้แค่นาทีเดียว รอยสตัน เดรนเธ่ มิดฟิลด์ดัตซ์ของราชันฯ ลากตัดเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบออกไป


เขยิบมาถึงนาทีที่ 51 รุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าของเรอัล มาดริด โดนใบเหลือง เมื่อไปทำฟาวล์ พาเวล เนดเวด กองกลางจอมขยันของยูเว่


ทีมเยือนจากอิตาลีทำได้ดี มีโอกาสบ้างในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่ เดล ปิเอโร่ จ่ายให้กับ พาเวล เนดเวด ซัดเต็มข้อบอลเข้ากรอบ ทว่า อีเกร์ กาซิยาส นายทวารจอมหนึบของเรอัล มาดริด รับเอาไว้ได้


เข้าสู่นาทีที่ 65 เรอัล มาดริด เปลี่ยนเอา เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ ออกแล้วส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ดาวเตะอาร์เจนไตน์ ลงมาเล่นแทน


ยูเวนตุส มาได้ประตูที่สองจนได้ในนาทีที่ 67 จากจังหวะที่ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ปราการหลังเรอัล มาดริด ไปทำฟาวล์ โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ กองกลางยูเว่ ผู้ตัดสินเป่าเป็นฟรีคิกริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนที่ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ จะรับหน้าที่ปั่นโค้งด้วยเท้าขวาบอลไซด์ข้ามกำแพงเสียบมุมอย่างสวยงามช่วย ให้ ไอ้ม้าลาย นำ 2-0 แล้ว และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้แล้ว


เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 73 รุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าของเรอัล มาดริด เก็บบอลได้ก่อนจะซัดจากระยะ 18 หลา แต่ถูกเคลียร์ไว้ได้ในจังหวะสุดท้าย


ถัดมานาทีเดียว ยูเว่ ทำเสียวบ้าง เมื่อ ติอาโก้ ไหลให้กับ มาร์คิออนนี่ ซัดบอลออกข้างไป จังหวะต่อมา เรอัล โต้ขึ้นมา อิกวาอิน เปิดให้ รามอส ซัดหลุดกรอบ


เวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ ครบ 90 นาที ยุเวนตุส บุกมาชนะ เรอัล มาดริด 2-0 เก็บสามแต้มเพิ่ม จ่อเข้ารอบน็อคเอ๊าท์ เต็มที

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด : อีเกร์ กาซียาส - เซร์คิโอ รามอส, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, กาเบรียล ไอน์เซ่, มาร์เซโล่ ริเบยโร่ - เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์, มาอามาดู ดิยาร์ร่า, โฆเซ่ มาเรีย [ข้าน้อย]ตี - ราอูล กอนซาเลซ (กัปตันทีม), รุด ฟาน นิสเตลรอย, อาร์เยน ร็อบเบน

สำรอง: เยอร์ซี่ย์ ดูเด็ค (ผู้รักษาประตู) - มิเชล ซัลกาโด้, เฟอร์นานโด กาโก้, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, รอยสตัน เดรนเธ่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า

ยูเวนตุส : อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ - โอลอฟ เมลล์เบิร์ก, นิโกล่า เลกร็อตตาเย่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, คริสเตียน โมลินาโร่ - มาร์โก มาร์คิออนนี่, โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้, ติอาโก้ เมนเดส, พาเวล เนดเวด - อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ (กัปตันทีม) - อเมารี

สำรอง: อันโตนิโอ คิเมนติ (ผู้รักษาประตู) - วินเชนโซ่ ยาควินต้า, เมาโร่ คาโมราเนซี่, เซบาสเตียน โจวินโก้, เปาโล เด เชเญ่, ฟาอุสโต้ รอสซี่, ลอเรนโซ่ อริเอาโด้

กลุ่ม เอฟ
ฟิออเรนติน่า (อิตาลี) 1 - บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 1
สนาม : อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ (ฟลอเรนซ์, อิตาลี)

ฟิออเรนติน่า ทีมดังจากกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ลงเล่นในบ้านพบ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีกา และแชมป์เดเอฟเบ โพคาล เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4 โดยหากบาเยิร์นชนะ และ สเตอัว บูคาเรสต์ ไม่ชนะ ลียง จะเป็นเสือใต้ ผ่านเข้ารอบน็อคเอ๊าต์ทันที


เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือฟิออเรนติน่าได้ ดาริโอ ดาอิเนลลี่ เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมหายเจ็บ และ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ กองหน้าคนสำคัญพ้นโทษแบนกลับมาลงสนาม ส่วนเจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ เทรนเนอร์คนดังของบาเยิร์น มิวนิคส่ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ จอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส นำเกมรุก ขณะที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ยืนดาวยิงคู่กับ ลูคัส โพดอลสกี้


เกมครึ่งแรก นาทีที่ 11 ฟิออเรนติน่าได้ประตูนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว เมื่อ ลูชาโน่ ซาอูรี่ ผ่านบอลให้ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ โหม่งตั้งให้ อาเดรียน มูตู ยิงด้วยเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษเข้าประตูไป


นาที 20 เป็นโอกาสของเจ้าถิ่นอีกครั้ง เมื่อ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ กองหน้าขึ้นโหม่งหน้าประตู บอลไปตรงตัว มิชาเอล เรนซิงก์ นายทวารบาเยิร์น จากนั้นสองนาทีต่อมา เสือใต้ได้บอล มาร์ติน เดมิเคลิส เซนเตอร์ฮาล์ฟโยนบอลให้ เซ โรแบร์โต้ แบ็กซ้ายที่เติมขึ้นมาเล่นเกมรุกโหม่งบอลข้ามคาน


ฟิออเรนติน่า มีลุ้นที่จะได้ประตูอีกครั้ง นาที 27 มาริโอ ซานตาน่า ได้ยิงจ่อๆ ในกรอบเขตโทษ ทว่ามิชาเอล เรนซิงก์ ปัดบอลออกเส้นหลังไปได้ และนาที 34 บาเยิร์นได้บอล มัสซิโม อ็อดโด้ แบ็กขวายิงไกล 14 หลา บอลเหินข้ามคาน


ท้ายเกมครึ่งแรก นาที 45 บาเยิร์นได้บอล มัสซิโม อ็อดโด้ โยนให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ซัดด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานออกไป จบครึ่งแรก ฟิออเรนติน่านำอยู่ 1-0


มาถึงครึ่งหลัง นาที 47 มาร์ค ฟาน บอมเมล กัปตันทีมบาเยิร์นเสียบอลแดนกลางให้ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ เร่งสปีดหนี ลูซิโอ เซนเตอร์ฮาล์ฟก่อนยิงข้ามคาน


นาที 55 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ปีกขวาบาเยิร์น ผ่านบอลให้ มัสซิโม อ็อดโด้ ยิงด้วยเท้าซ้ายระยะไกลไปตรงตัว เซบาสเตียง เฟรย์ ผู้รักษาประตูฟิออเรนติน่า จากนั้นเจ้าถิ่นโต้กลับเร็ว ซดราฟโก้ คุซมาโนวิช โยนให้ อาเดรียน มูตู โขกหน้าประตู บอลเหินข้ามคานออกไปไม่กี่หลา ในนาที 56


ฟิออเรนติน่าเปลี่ยนตัวสำรองส่ง เซร์คิโอ อัลมิรอน ลงมาเล่นแทน มาริโอ ซานตาน่า นาที 62 และนาทีต่อมา อเลสซานโดร กัมเบรินี่ เซนเตอร์ฮาล์ฟเจ้าถิ่นยิงไกล 25 หลา มิชาเอล เรนซิงก์ เซฟไว้ได้เยี่ยม


นาที 72 เป็นโอกาสของเสือใต้ ฟร้องค์ ริเบรี่ ผ่านบอลให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ยิงด้วยเท้าซ้ายระยะไกล ไปติดกองหลังฟิออเรนติน่า จากนั้นนาที 75 ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ มิดฟิลด์เจ้าถิ่นซัดระยะไกล 17 หลา ทว่า มิชาเอล เรนซิงก์ เซฟไว้ได้


และแล้วความพยายามของ บาเยิร์น เป็นผลสำเร็จเมื่อตามตีเสมอเป็น 1-1 นาที 78 ฟร้องค์ ริเบรี่ พาบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษก่อนจ่ายให้ ทิม โบรอฟสกี้ ยิงเข้าประตูอย่างใจเย็น หมดเวลาการแข่งขัน ฟิออเรนติน่า เสมอ บาเยิร์น มิวนิค 1-1

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ฟิออเรนติน่า : เซบาสเตียง เฟรย์ - ลูชาโน่ ซาอูรี่, อเลสซานโดร กัมเบรินี่, ดาริโอ ดาอิเนลลี่ (กัปตันทีม), มัสซิโม ก็อบบี้ - ซดราฟโก้ คุซมาโนวิช, เฟลิโป้ เมโล่, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ - อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่, มาริโอ ซานตาน่า, อาเดรียน มูตู

สำรอง : มาร์โก สโตรารี่ (ผู้รักษาประตู), เพอร์ โครลดรุ๊ป, มาร์โก โดนาเดล, สเตวาน โยเวติซ, ปาโบล ดาเนี่ยล ออสวัลโด้, จามเปาโล ปาซซินี่, เซร์คิโอ อัลมิรอน

บาเยิร์น มิวนิค : มิชาเอล เรนซิงก์ - มัสซิโม อ็อดโด้, ลูซิโอ, มาร์ติน เดมิเคลิส, เซ โรแบร์โต้ - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ทิม โบรอฟสกี้, มาร์ค ฟาน บอมเมล (กัปตันทีม), ฟร้องค์ ริเบรี่ - มิโรสลาฟ โคลเซ่, ลูคัส โพดอลสกี้

สำรอง : ฮันส์ ยอร์ก บุตต์ (ผู้รักษาประตู), ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, อันเดรียส อ็อตเทิ่ล, โฮเซ่ เออร์เนสโต้ โซซ่า, คริสเตียน เลลล์, เบรโน่, โทนี่ ครูส