จับตาหวัด 2009 ช่วงปิดเทอม หวั่นกลับมาอีกระลอ(รูปเด็กใส่ผ้าปิดปากไม่สบาย)
เตรียมเฝ้าระวังไข้หวัด 2009 หวั่นระบาดในเมือง ชุมชนแออัด โรงเรียนสอนพิเศษ ศูนย์เด็กเล็ก เตรียมมาตรการรับช่วงปิดเทอม หลังระบาดหนักขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
อากาศประเทศไทยช่วงนี้แปรปรวนซะเหลือเกิน เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวร้อน ทำให้อุณหภูมิในร่างกายปรับสภาพแทบไม่ทัน แถมช่วงฝนตกหนักยังมีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายต้องกังวลกลัวกระแสไข้หวัด 2009 กลับมาอีกระลอกที่สอง และเชื้อไข้หวัด H1N1 ที่เคยแพร่ระบาดในโรงเรียนกวดวิชา
มาคราวนี้โรงเรียนกวดวิชาเลยเป็นเป้าหลักที่น่าเฝ้าระวังอีกจุดหนึ่ง และสาเหตุที่มีการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 กลับมา อาจส่งผลแพร่เชื้อไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทว่าขณะนี้โรงเรียนกำลังจะปิดเทอมทำให้กลุ่มเสี่ยงเปลี่ยนเป็นชุมชน โรงเรียนสอนพิเศษ และศูนย์เด็กเล็ก เพราะฉะนั้นชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะในชุมชนแออัดต้องเตรียมพร้อมมาตรการการดูแล การคัดกรอง การแยกเด็กป่วยในชุมชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อที่จะตามมา
แผนงานความปลอดภัยในเด็ก ภายใต้การสนับสนุนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เปิดแถลงข่าวเรื่อง “คลื่นลูกที่สองของการระบาดไข้หวัดใหญ่ชุมชนแออัดในเมือง โรงเรียนสอนพิเศษ ศูนย์เด็กเล็ก ต้องเตรียมรับช่วงปิดเทอม” ขึ้นเพื่อต้องการให้ข้อมูล เพื่อเฝ้าระวังการกระจายตัวของไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่กลับมาระบาดหนักขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
รศ.นพ.กำธร มาลาธรรม หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ระบุว่า จากการตรวจผู้ป่วยจากการเก็บข้อมูลของน้ำมูกมายังห้องแลบของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง แม้จะน้อยลงแต่ก็ถือว่ายังมีมากกว่าเมื่อเริ่มต้นช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม รวมทั้งสิ้น 4,354 ราย พบติดเชื้อไข้หวัดใหญ่รวม 1,812 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 41.6 โดย 1,418 รายเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 (ร้อยละ 78)
ขณะที่ สถานการณ์ปัจจุบันใกล้จะถึงช่วงโรงเรียนปิดภาคเรียน อีกทั้งเด็กจะใช้เวลาอยู่ในชุมชนโดยเฉพาะชุมชนแออัดต้องเตรียมพร้อมมาตรการดูแลป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่ระบาด โดยนำกลุ่มเสี่ยงออกมารับวัคซีน มีผู้คอยตรวจสอบและป้องกันการติดหวัดไม่ให้แพร่เชื้อ และเด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี ที่อยู่ในชุมชนแออัด ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อได้ง่าย เพราะจากการศึกษาอัตราการป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ในหลายประเทศพบว่า ปัจจัยความยากจนกับการเจ็บป่วยของไข้หวัดใหญ่ 2009 นั้น มีความสอดคล้องกัน โดยการเปรียบเทียบอัตราผู้ป่วยต่อแสนประชากรในชุมชนแออัดพบชัดเจนว่าเด็กในกลุ่มคนจนในชุมชนแออัดในเมืองใหญ่มีความเสี่ยงมากกว่าชุมชนทั่วไปถึง 4 เท่า
ด้าน รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้จัดการแผนงานความปลอดภัยในเด็ก สสส. กล่าวว่า เนื่องจาก “กลุ่มเด็กเยาวชนในชุมชนแออัด” มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ระลอกสองในช่วงปิดเทอม ขณะเดียวกันโรงเรียนสอนพิเศษก็เป็นกลุ่มเสี่ยงหลักในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เนื่องจากมีเด็กเปลี่ยนสถานที่เรียนจากโรงเรียนเป็นสถาบันกวดวิชา
ดังนั้นจึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขเพิ่มกลุ่มเด็กเยาวชนในชุมชนแออัดไว้ในกลุ่มเสี่ยงการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เพื่อแก้ปัญหาวัคซีนที่ไม่เพียงพอจาก ทั้งหมด 2 ล้านโดส ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียง 7 แสนโดส ทำให้ราคาวัคซีนเพิ่มขึ้นจากเข็มละ 400 บาท เป็น 600-700 บาท และพบสูงสุด 1,000 บาท นอกเหนือจากเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงแล้ว สถานที่ที่มีประชาชนมารวมตัวกันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ สนามกีฬาฯลฯ ที่มีคนมารวมกันจำนวนมาก ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้เช่นกัน
ฉะนั้นหากใครไม่อยากติดเชื้อและต้องเสียเงินไปกับวัคซีนถึงเข็มละ 1,000 บาท ก็ต้องดูแลและป้องกันตัวเองเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีคนอยู่กันมากๆ ด้วย
เกาะทุกประเด็นร้อนกับ โพสต์ทูเดย์ดอทคอม คลิก!ร่วมทำแบบสอบถามโพสต์ทูเดย์ดอทคอม
1.(ตอบเลยนะให้แม่ช่วยแปปเดียวแต่แค่แม่ดุ
)คนทั่วไปโดยเฉพาะนักเรียน
2.รักษาสุภาพให้ดีล้างมือบ่อยๆ ทานอาหารให้ครบ5หมูหลีกเลี่ยงการพบคนจำนวนมากถ้าหลีกเลี้ยงไม่ได้ควรทำความสะอาดร่างกายบ่อยๆ