โค๊ด:
<แนวดราม่า-แฟนตาซี> <แค่พล็อตเรื่องนะ เขียนให้มันอ่านแล้วได้อารมณ์ตามนิดๆ>
เรื่องราวนี้เกิดขึ้น ในดินแดนอันห่างไกล บนโลกที่วิทยาการยังไม่พัฒนาไปไกลมากนัก สงครามระหว่างชนเผ่ายังเกิดขึ้นเนืองๆ <ปิศาจเป็นผู้รุกราน เอลฟ์-มนุษย์>
-เริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องของน้องชายชาวเอลฟ์แห่งบุตรตระกูลเก่าแก่ ผู้ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์แห่งอดีต
ในอดีตเขาเคยถูกตราหน้าว่า ผู้แพ้ตลอดกาล เนื่องจากความสามารถของเขาด้อยกว่าพี่ชาย
ช่วงอายุ12ปี เขาและพี่ได้ไปพบกับผู้นำหมู่บ้าน และได้แสดงความสามารถให้เขาเห็น
ซึ่งคนพี่ได้รับคำชม ว่าสามารถควบคุมพลังของตนเองได้ดี
แต่คนน้องกลับไม่ได้รับคำชมอะไรเลยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปมในใจของเขาตลอดมา
ทุกๆวัน ผู้น้องจะฝึกฝนอย่างหนัก ก่อนจะกลับมานอนแผ่ที่บ้านพลางบ่นกับพ่อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสมาชิกที่เหลือในครอบครัวของเขา
เขามักจะบ่นว่าเขาเหนื่อยเพียงใด เหนื่อยจนรู้สึกเหมือน'วิญญาณแยกเป็นสองส่วน' พร้อมด้วยกับอาการปวดรัดศรีษะเหลือจะกล่าว
ซึ่งทุกครั้ง พ่อของเขาจะยิ้มและให้กำลังใจ ว่าซักวันพลังในตัวเขาย่อมตื่นขึ้นมาเหมือนพี่คนโต
ไม่มีวันใดที่เขาจะไม่หยุดฝึก และไม่มีวันใดที่เขาจะเบนความสนใจไปจากการฝึกเพื่อก้าวข้ามพี่ชายของเขาให้ได้
.. จนวันหนึ่ง เขาได้พบกับหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกัน นางเป็นเอลฟ์นักแม่นธนูในกองกำลังของหมู่บ้าน
เขาและนางได้นั่งคุยกันจนเริ่มไว้เนื้อเชื่อใจกัน หลังจากผ่านไปหลายวัน
"ที่ของข้าคือที่นี่ ไม่มีวันใดที่ข้าจะทนอยู่ในบ้านของข้าได้เลย เพราะสายตาเย็นชาและคำดูถูกเหล่านั้น"
"งั้นหรือ? ข้าก็เช่นกัน พ่อแม่ของข้าตายในสงคราม ทุกๆคืน แสงของดวงจันทร์จะปลอบโยนข้า ทุกครั้งที่ข้าเห็นดวงจันทร์ ข้าจะนึกถึงพ่อและแม่"
"สงคราม? ท่านสูญเสียคนสำคัญไปในสงครามเช่นกันหรือ?"
"เราช่างเหมือนกันยิ่งนัก..."
ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาขึ้น จากคนรู้จัก กลายเป็นเพื่อน จนวันหนึ่งน้องชายก้าวขึ้นไปบนยอดเขาเหมือนแทบทุกคืน
เขาพบกับหญิงสาวแปลกหน้าซึ่งยืนชมแสงจันทร์อยู่ก่อน พลันนางหันมายิ้ม ชายหนุ่มก็ตกหลุมรักนางในวินาทีนั้น และได้มอบกำไลข้อมือแทนใจไว้เส้นหนึ่ง
กาลเวลาผ่านไป พร้อมกับภัยจากผู้รุกรานที่เข้ามาใกล้ทุกขณะ ไฟสงครามปะทุขึ้นในหมู่บ้านหน้าด่าน พวกปิศาจยึดสถานที่แห่งนั้นเป็นป้อมปราการชั่วคราว
ความรักของน้องชายที่มีต่อหญิงสาวเริ่มมากขึ้นทุกขณะ ก่อนจะกลายเป็นความแค้นเคืองมือสังหารผู้พี่ของตน หลังจากนางได้ร่วมรบกับพี่ชายของเขา
และกลายเป็นผู้นำการรบเคียงคู่กัน
พี่ชายคนโตและหญิงสาวนักแม่นธนูถูกเรียกไปประจำการกองทัพ ด้วยความสามารถแห่งพี่ชายของเขา การโจมตีวิญญาณของศัตรูโดยตรง
การเคลื่อนย้ายฉับพลัน และความสามารถในการยิงธนูของนาง ความสามารถอันโดดเด่นของพวกเขา
ทำให้พวกเขาได้อยู่บนสนามรบแนวหน้า และนำมาซึ่งชัยชนะทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ทัพของอีกฝ่ายเริ่มเข้ามาตั้งค่ายใกล้หมู่บ้าน ห่างเพียงชั่วคืน
น้องชายต้องการจะออกไปร่วมรบด้วย พลันเอ่ยปากขอต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน แต่สิ่งที่เขาได้รับ คือเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากกลุ่มอาสาสมัครในหมู่บ้าน
เขาออกปากท้าสู้ต่อหัวหน้ากลุ่มอาสาสมัครด้วยความโกรธอันหาสิ่งเปรียบ เสียงหัวเราะของกลุ่มชาวบ้านยิ่งระเบิดดังขึ้นไปอีก ยิ่งทำให้ความแค้นในใจของเขาเติบโตขึ้น
หัวหน้ากลุ่มอาสาสมัครรับคำท้า พร้อมนัดสถานที่เป็นบนยอดเขา ที่ซึ่งชายหนุ่มใช้ฝึกฝนตนเองทุกวัน
ความแค้นของเขาบังความคิดอย่างอื่นเสียสิ้น กระทั่งเสียงห้ามของพ่อ ซึ่งไม่อยากให้ลูกชายของตนต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้
เขาเดินไปตามนัดด้วยความรู้สึกปวดศรีษะยิ่งกว่าครั้งใดราวกับวิญญาณของเขาจะกลายเป็นสองส่วนเสียให้ได้ ดวงตาของเขาพร่าลงทุกขณะ
เมื่อเขาถึงที่นัดหมาย ภาพโดยรอบหาใช่สีมืดของรัตติกาล หากแต่มืดมิดราวกับใต้หุบเหว มีเพียงไอวิญญาณสีแดงอ่อน
จากร่างสีแดงเข้มเบื้องหน้าซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาที่เขาสามารถมองเห็น
การโจมตีครั้งแรกของผู้ตอบรับคำนัดหมายกระแทกเข้าที่สีข้างของเขา พลันเรียกสติให้กลับสู่ร่างกาย หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นมารอบมือที่กำกริชเอาไว้
การมองเห็นของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง ทหารเอลฟ์อาสาเบื้องหน้าร่างเวทย์แห่งธรรมชาติ
รากไม้มากมายพุ่งเข้าโจมตีมือสังหารตัวน้อย เขาพุ่งเข้าใส่ทหารอาสาเต็มแรง
กริชเล่มยาวซัดเข้าใส่เป้าหมาย ที่กลายเป็นอากาศธาตุไปในบัดดล แรงจากการพุ่งส่งร่างของหนุ่มน้อยกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่
ร่างของทหารอาสาโผล่มา พลางกดน้ำหนักผ่านเท้าสู่ร่างของเด็กหนุ่ม
"สุดท้าย นายมันก็เป็น ผู้ซึ่งแพ้ตลอดกาล จริงๆสิน่า.." เสียงกล่าวเย้ยหยันของทหารอาสายิ่งยั่วยุเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง
"ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าพี่ของนาย จะมีน้องชายแบบนี้" สิ้นเสียง ความอดทนของเด็กหนุ่มก็หมดลง ความแค้นปะทุขึ้นในจิตใจเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน
เสียงกู่ร้องของเขาลั่นไปทั่วป่าราวกับสัตว์ร้าย วิญญาณของเขาส่งเสียงกรีดร้องราวกับจะแตกสลาย
พลันใบมีดปริศนาเสียบทะลุอกทหารอาสาจากเบื้องหลัง เลือดสาาดกระเซ็นออกมาจากบาดแผลพร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ล้มลง
ผู้ทำร้ายทหารหาใช่ใครอื่น.. หากแต่เป็น'ตัวเขาเอง'ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้ามือสังหารผู้น้อง
"แกเป็นใคร !" สิ้นเสียง ร่างจำแลงเบื้องหน้ากระจายออก กลายเป็นฝุ่นผงหายไปในอากาศ
สิ่งที่เหลือจากเหตุการณ์เมื่อครู่ คือศพของทหารอาสา และเด็กหนุ่มผู้เปื้อนด้วยโลหิต
ไม่มีร่องรอยของสิ่งแปลกประหลาดเมื่อครู่เหลืออยู่อีกเลย...
เขารีบวิ่งลงจากยอดเขา ออกห่างจากหมู่บ้านด้วยความหวาดกลัว
'ถ้าข้าถูกจับ ข้าจะถูกลงโทษ ถ้าข้าหนี ข้าจะไปอยู่ที่ไหน'
ความรู้สึกราวกับวิญญาณแยกออกเป็นสองส่วนยังคงอยู่ หากแต่อาการปวดหัวได้หายไปแล้ว
'ข้าพ่ายแพ้ ข้าผิดหวังในรักแรก ข้าฆ่าทหารฝั่งเดียวกัน..' ความโศกเศร้าเข้าครอบคลุมจิตใจของเขา ความโกรธแค้นแทบจะมลายหายไปสิ้น
'..เราฆ่าเอลฟ์ไปตนหนึ่ง เราจะกลับไปที่นั่นไม่ได้อีกแล้ว..' พลันสัมผัสวิญญาณของเขารับรู้ถึงพลันประหลาดเบื้องหลัง มันพุ่งเข้ามาโดยที่เขายังไม่ทันหันไปมอง
เขาตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงสีฟ้าอ่อน จากคบเพลิงที่รายล้อมรอบตัวเขา
"บอกมา เอลฟ์ .. หมู่บ้านของเจ้าวางแผนจะบุกโจมตีเราเมื่อใด"
เสียงอันทรงอำนาจ หากแต่เยือกเย็นของผู้นำทัพปิศาจเอ่ย
แววตาแห่งมัจจุราชจับจ้องมาที่ใบหน้าของเขา
"ช้าก่อนท่าน เด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถทางวิญญาณยากจะหาใครเทียบได้"
เสียงของเสนาธิการปิศาจกล่าวแผ่วเบา หากแต่สะท้อนอยู่ในหัวของชายหนุ่ม
เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับคำชม แม้ว่าจะจากคนที่ควรจะเรียกว่าศัตรู
"งั้นรึ.." จอมทัพปิศาจเอ่ยเสียงเบา พลางหันไปมองหนุ่มน้อยเบื้องหน้า พร้อมเพ่งพิจวิญญาณของเขา
"ถ้าข้าจะให้เสนาธิการของข้า นำเจ้าไปฝึก เจ้าจะว่าอย่างไร" นิ้วเรียวลูบคมดาบพลางเอ่ยปากถาม
"ไม่มีปัญหา" พลันเสียงหลุดออกจากปากของชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ฝึกฝนฝีมือ แม้จะเป็นการฝึกจากศัตรู
การฝึกฝนโดยผู้ใช้มนต์มาร เสนาธิการแห่งอสูรดำเนินผ่านไป ทุกวันราวกับนรก ทำให้เด็กหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
สายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนการรับรู้จากสิ่งรอบตัว ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงประสาทสัมผัสของเขา ที่ทำให้เขารับรู้ถึงความเป็นไปรอบตัว
เขาพุ่งตัวผ่านช่องว่างอันเล็กน้อยในคลื่นวิญญาณที่เสกขึ้นมาโดยผู้ใช้มนตรานับครั้งไม่ถ้วน
พลาดพลั้งถูกกระแทกนับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุด เขาก็ควบคุมประสาทสัมผัสด้านการรับรู้วิญญาณได้สำเร็จ
รวมทั้งสามารถ'แบ่งแยก'วิญญาณของตน เป็นเสมือนตัวเขา เพื่อใช้ในการต่อสู้
จนในที่สุด เขาได้รับมอบหมายให้สังหารชนเผ่าของเขาเองในสงคราม หากแต่เสนาธิการเหมือนจะอ่านใจเขาออก
จึงส่งเขาไปโจมตีป้อมปราการเผ่ามนุษย์แทน โดยมีเป้าหมายเดียว คือฆ่าเอซาเลอร์ ผู้นำทางแห่งแสงของบรรดามนุษย์
โดยผู้ใช้มนต์มารได้เตือนเขาไว้ อาวุธสำคัญของเอซาเลอร์คือพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ และความสามารถในการทำลายวิญญาณของเป้าหมายด้วยเวทย์มนต์
เขาลักลอบเข้าไปในเมือง ขณะที่กองทัพอสูรล้อมรอบเมืองอย่างเงียบๆ
ณ จุดสูงสุดในเมือง บนลานกว้างของหอคอย เอซาเลอร์ยืนรอเขาราวกับรู้ถึงการมาของเขา
'ที่ผู้ใช้มนต์มารให้เรามาฆ่าหมอนี่ อาจจะเพราะพลังวิญญาณของเขา' เขานึกพร้อมพินิจบุคคลเบื้องหน้า
'เสนาธิการมีชีวิตอยู่ได้เพราะวิญญาณมนุษย์.. สุดท้ายเราก็เป็นผู้แพ้อยู่ดีสินะ..' คิดพลางคว้าดาบทั้งสองขึ้นมา
เอซาเลอร์ร่ายเวทย์สร้างคลื่นพลังงานสะสมบนพื้นที่เบื้องหน้าเขา ขณะที่เขาพุ่งหลบ ลูกพลังพุ่งผ่านตัวเขาไปอย่างฉิวเฉียด
เปรี้ยะ!
กลุ่มพลังเวทย์ระเบิดขึ้นภายในร่างกายของเขา พลังวิญญาณของเขาถดถอยลงตามการเคลื่อนไหว
แสงแห่งเทพระเบิดขึ้นเบื้องหน้า บรรยากาศภายรอบเริ่มดำสนิทด้วยดวงตาที่บอดลง...
เอซาเลอร์ยิ้มกริ่มพลางร่ายเวทย์สะสมพลังงานซ้ำ
มือสังหารหนุ่มตั้งสติ ภาพที่เขามองเห็นเปลี่ยนไปช้าๆ จากมืดมิด กลายเป็นแดงฉานด้วยพลังวิญญาณ...
โครงร่างของเอซาเลอร์ร่ายเวทย์ปรากฎขึ้นในมโนภาพ กลุ่มวิญญาณสีแดงเจิดจ้าฉายแสงบ่งบอกเป้าหมาย เขาพุ่งเข้าใส่พลางคิด
'ร่างกายปราศจากวิญญาณ ย่อมไม่ต่างอะไรกับปีกที่กระพืออย่างไร้จุดหมาย'
เวทย์ของเอซาเลอร์ปะทุขึ้น กลุ่มพลังงานพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรุนแรง
'วิญญาณที่ปราศจากกาย คงไม่ต่างกับความโศกเศร้าอันเงียบงัน' คิดพลางเบิกตากว้าง ด้วยร่างที่แทบจะไม่เหลือพลังวิญญาณ
'ถ้าอย่างนั้น... สลับวิญญาณ!!'
ภาพในสายตาของเขา คือพลังงานวิญญาณของเอซาเลอร์ซึ่งถูกกระชากออกมา แทนที่ด้วยวิญญาณที่ใกล้ดับสลายของเขา
ร่างของเขาลอยละลิ่วด้วยแรงถีบเฮือกสุดท้าย ที่กำลังแทนที่ด้วยวิญญาณอันแข็งแกร่งถูกปลดปล่อย
พลังงานอันเต็มเปี่ยมพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาพร้อมใบมีดที่เฉือนผ่านลำคอของผู้นำทางแห่งแสงสว่าง
ร่างไร้วิญญาณของนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ล้มลงกับพื้นศิลาแกร่ง เขาหันไปมองช้าๆ กองทัพอสูรทะลักเข้ามาในเมืองราวกับน้ำไหลบ่า
'นี่หรือ.. สิ่งที่ข้าทำลงไป' รำพึงท่ามกลางสายลม เส้นผมยาวสีดำขลับพลิ้วไปตามแรงลมเล็กน้อย
หลายวันต่อมา มีคำสั่งให้เขาบุกทำลายหมู่บ้านตนเองอีกหน หากแต่รอบนี้ไม่มีเสนาธิการคอยชี้แนะให้เขาไปร่วมรบในสมรภูมิอื่น
พี่ชายของเขา เป็นผู้สังหารเสนาธิการปิศาจ ความรู้สึกของเขาตอนนี้ทั้งโกรธแค้น และขอบคุณพี่ชายของเขาในเวลาเดียวกัน
'ถ้าข้าเข่นฆ่าพวกพ้อง ข้าย่อมทำไม่ได้ แต่หากข้าทรยศต่อจอมอสูร ข้าจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ฤๅ'
ชะตากรรมลิขิตให้พวกเขาต้องมาพบกัน มือสังหารผู้น้องวิ่งไล่ทหารเอลฟ์ใกล้ตายเข้าไปในป่า พลันได้พบกับพี่ชายแท้ๆของตน
"พ่อคิดถึงเจ้ามาก น้องข้า"
"ข้าไม่คิดจริงๆ ว่าข้าต้องทำแบบนี้ พี่ใหญ่ ท่านเป็นผู้ฆ่าอาจารย์ของข้า"
"แล้วเจ้าล่ะ พรากแสงสว่างแห่งความหวังของพวกเราไป เจ้าฆ่าท่านเอซาเลอร์"
"ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ได้จับมีดหั่นผัก แต่ก็ไม่ได้มีฝีมือน้อยกว่าใช้มีดหั่นผัก" ว่าพลางพุ่งเข้าปะทะ
คมดาบกระแทกลงบนใบดาบของผู้พี่ วิญญาณของเขาเกิดความเสียหายจากพลังเวทย์ที่พี่ชายของเขาแผ่ออกมาจากอาวุธทุกครั้งที่ปะทะ
เขาฟาดคลื่นวิญญาณพุ่งเข้าใส่ศัตรูร่วมสายโลหิต หากแต่พี่ของเขากลับมาโผล่ที่เบื้องหลังของเขาเสียแล้ว
'ผู้นำทางของข้า!' ว่าพลางแบ่งแยกวิญญาณ ร่างจำแลงพุ่งเข้าฟาดใส่ร่างของพี่ชาย หากแต่ร่างนั้นกลับมลายไปอีกครา
มือสังหารน้อยเหลียวมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง เงาของพี่พุ่งผ่านตามแมกไม้ เขาหลับตาลงแล้วค่อยๆจับคลื่นวิญญาณของพี่ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฉัวะ!
ใบดาบฟาดลงบนกลางตัวพี่ของเขา ส่งร่างนั้นกระเด็นไปไกล
"ทำไมเจ้าไม่กล้าลงมือซ้ำล่ะ.." ผู้ที่แทบจะสิ้นชีวีเอ่ยถาม เขาหยิบดาบในมือยกขึ้นมาช้าๆ
ฟุ่บ!
ร่างกายของพี่ชายหายไปทันที ด้วยพลังเวทย์ของผู้ใช้มนตราชาวเอลฟ์ที่ส่งเขากลับไป
มือสังหารหนุ่มเงยหน้าอย่างตกใจ พลางเพ่งไปเบื้องหน้า
..ภาพของสาวงาม ผู้ที่เขาตกหลุมรัก น้ำตาของนางทำให้ใจของเขาแทบสลาย เขาละทิ้งทุกอย่าง กลับไปยังดินแดนแห่งอสูรด้วยความเศร้าโศก..
สองคืนต่อมา เขาละเลยคำสั่งของจอมทัพอสูร เพื่อเข้าไปในหมู่บ้านคนเดียว
ยอดเขาที่ซึ่งเขาเคยใช้ฝึกฝนร่างกายยังคงเยือกเย็นดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา ใบหน้าของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อย สูดอากาศของดินแดนที่แสนคิดถึงเข้าไปช้าๆ
เคล้ง!!
เขาเอี้ยวตัวหลบพลางฟาดดาบสร้างคลื่นวิญญาณพุ่งเข้ากระแทกเป้าหมายด้านหลัง ศรดอกหนึ่งพุ่งผ่านช่องว่างใต้แขนของเขาไป
"เจ้า!!" เขาร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นศรลูกนั้น ช้าเกินกว่าจะยั้งมือแล้ว !
"ท่าน .. " เสียงกรีดร้องสุดท้ายของหญิงสาวผู้ที่เขารักเสมอมาดังขึ้น เขาพลาดพลั้งโจมตีออกไปโดยไม่ทันคิด เช่นเดียวกับนาง
ร่างไร้วิญญาณของนางล้มลงกระแทกพื้นช้าๆ กำไลข้อมือซึ่งเขาเคยมอบให้กลิ้งลงมาจากมือที่กำไว้หลวมๆของนาง
"อ๊ากกกกกก" เขาคุกเข่าลง กรีดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ดวงตาสีขาวสนิทของเขาเบิกกว้างพลางชกพื้นอย่างรุนแรง
"เจ้า .. เจ้าฆ่านาง!!" พี่ชายของเขาที่ตามเสียงร้องมาตะโกนลั่น พลางพุ่งเข้าหมายจะสังหารน้องชายของตน
สำหรับมือสังหารหนุ่มผู้สูญเสียแทบทุกอย่างในชีวิตไปแล้ว ภาพคลื่นวิญญาณบนใบดาบที่พุ่งเข้าสู่ร่าง เหมือนผ่านไปเป็นนาที
'คงจะดี หากเราได้จบชีวิตลงแบบนี้...ด้วยพี่ชายของเรา' ใบดาบของพี่ตวัดเขากระเด็นขึ้น
'ในที่สุด เราก็หนีมันพ้น...' เลือดของเขาสาาดกระเซ็นไปทั่วยอดเขา น้ำตาของเขาและพี่ชายไหลอาบทั่วแก้ม
'ในที่สุด เราก็กล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง..' ดาบที่ผ่านเข้าสู่ร่างกาย ช่างเจ็บน้อยนิด เมื่อเทียบกับแผลในหัวใจ
'หรือนี่จะเป็นโชคชะตา? ให้ทุกอย่างมันจบลงวันนี้แหละ..'
'หยุดบาปของฉัน.. หยุดความอ่อนล้าที่ไม่สิ้นสุดในหัวใจ'
'หยุดเป้าหมายของฉัน .. การแก้แค้น..'
'แสงแห่งจันทราฉายส่องลงมาสู่ทุกสิ่ง ทำให้บรรยากาศกลายเป็นสีฟ้าอ่อน
ทิวทัศน์คงจะค่อยๆกระจ่างใสช้าๆ.. ถ้าฉันมองเห็นมันได้ ก็คงจะดี...'
_______________________________
...
......
.........
............
อย่าลืมนะครับ นี่แค่พล็อต!
เรื่องราวนี้เกิดขึ้น ในดินแดนอันห่างไกล บนโลกที่วิทยาการยังไม่พัฒนาไปไกลมากนัก สงครามระหว่างชนเผ่ายังเกิดขึ้นเนืองๆ <ปิศาจเป็นผู้รุกราน เอลฟ์-มนุษย์>
-เริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องของน้องชายชาวเอลฟ์แห่งบุตรตระกูลเก่าแก่ ผู้ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์แห่งอดีต
ในอดีตเขาเคยถูกตราหน้าว่า ผู้แพ้ตลอดกาล เนื่องจากความสามารถของเขาด้อยกว่าพี่ชาย
ช่วงอายุ12ปี เขาและพี่ได้ไปพบกับผู้นำหมู่บ้าน และได้แสดงความสามารถให้เขาเห็น
ซึ่งคนพี่ได้รับคำชม ว่าสามารถควบคุมพลังของตนเองได้ดี
แต่คนน้องกลับไม่ได้รับคำชมอะไรเลยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปมในใจของเขาตลอดมา
ทุกๆวัน ผู้น้องจะฝึกฝนอย่างหนัก ก่อนจะกลับมานอนแผ่ที่บ้านพลางบ่นกับพ่อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสมาชิกที่เหลือในครอบครัวของเขา
เขามักจะบ่นว่าเขาเหนื่อยเพียงใด เหนื่อยจนรู้สึกเหมือน'วิญญาณแยกเป็นสองส่วน' พร้อมด้วยกับอาการปวดรัดศรีษะเหลือจะกล่าว
ซึ่งทุกครั้ง พ่อของเขาจะยิ้มและให้กำลังใจ ว่าซักวันพลังในตัวเขาย่อมตื่นขึ้นมาเหมือนพี่คนโต
ไม่มีวันใดที่เขาจะไม่หยุดฝึก และไม่มีวันใดที่เขาจะเบนความสนใจไปจากการฝึกเพื่อก้าวข้ามพี่ชายของเขาให้ได้
.. จนวันหนึ่ง เขาได้พบกับหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกัน นางเป็นเอลฟ์นักแม่นธนูในกองกำลังของหมู่บ้าน
เขาและนางได้นั่งคุยกันจนเริ่มไว้เนื้อเชื่อใจกัน หลังจากผ่านไปหลายวัน
"ที่ของข้าคือที่นี่ ไม่มีวันใดที่ข้าจะทนอยู่ในบ้านของข้าได้เลย เพราะสายตาเย็นชาและคำดูถูกเหล่านั้น"
"งั้นหรือ? ข้าก็เช่นกัน พ่อแม่ของข้าตายในสงคราม ทุกๆคืน แสงของดวงจันทร์จะปลอบโยนข้า ทุกครั้งที่ข้าเห็นดวงจันทร์ ข้าจะนึกถึงพ่อและแม่"
"สงคราม? ท่านสูญเสียคนสำคัญไปในสงครามเช่นกันหรือ?"
"เราช่างเหมือนกันยิ่งนัก..."
ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาขึ้น จากคนรู้จัก กลายเป็นเพื่อน จนวันหนึ่งน้องชายก้าวขึ้นไปบนยอดเขาเหมือนแทบทุกคืน
เขาพบกับหญิงสาวแปลกหน้าซึ่งยืนชมแสงจันทร์อยู่ก่อน พลันนางหันมายิ้ม ชายหนุ่มก็ตกหลุมรักนางในวินาทีนั้น และได้มอบกำไลข้อมือแทนใจไว้เส้นหนึ่ง
กาลเวลาผ่านไป พร้อมกับภัยจากผู้รุกรานที่เข้ามาใกล้ทุกขณะ ไฟสงครามปะทุขึ้นในหมู่บ้านหน้าด่าน พวกปิศาจยึดสถานที่แห่งนั้นเป็นป้อมปราการชั่วคราว
ความรักของน้องชายที่มีต่อหญิงสาวเริ่มมากขึ้นทุกขณะ ก่อนจะกลายเป็นความแค้นเคืองมือสังหารผู้พี่ของตน หลังจากนางได้ร่วมรบกับพี่ชายของเขา
และกลายเป็นผู้นำการรบเคียงคู่กัน
พี่ชายคนโตและหญิงสาวนักแม่นธนูถูกเรียกไปประจำการกองทัพ ด้วยความสามารถแห่งพี่ชายของเขา การโจมตีวิญญาณของศัตรูโดยตรง
การเคลื่อนย้ายฉับพลัน และความสามารถในการยิงธนูของนาง ความสามารถอันโดดเด่นของพวกเขา
ทำให้พวกเขาได้อยู่บนสนามรบแนวหน้า และนำมาซึ่งชัยชนะทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ทัพของอีกฝ่ายเริ่มเข้ามาตั้งค่ายใกล้หมู่บ้าน ห่างเพียงชั่วคืน
น้องชายต้องการจะออกไปร่วมรบด้วย พลันเอ่ยปากขอต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน แต่สิ่งที่เขาได้รับ คือเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากกลุ่มอาสาสมัครในหมู่บ้าน
เขาออกปากท้าสู้ต่อหัวหน้ากลุ่มอาสาสมัครด้วยความโกรธอันหาสิ่งเปรียบ เสียงหัวเราะของกลุ่มชาวบ้านยิ่งระเบิดดังขึ้นไปอีก ยิ่งทำให้ความแค้นในใจของเขาเติบโตขึ้น
หัวหน้ากลุ่มอาสาสมัครรับคำท้า พร้อมนัดสถานที่เป็นบนยอดเขา ที่ซึ่งชายหนุ่มใช้ฝึกฝนตนเองทุกวัน
ความแค้นของเขาบังความคิดอย่างอื่นเสียสิ้น กระทั่งเสียงห้ามของพ่อ ซึ่งไม่อยากให้ลูกชายของตนต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้
เขาเดินไปตามนัดด้วยความรู้สึกปวดศรีษะยิ่งกว่าครั้งใดราวกับวิญญาณของเขาจะกลายเป็นสองส่วนเสียให้ได้ ดวงตาของเขาพร่าลงทุกขณะ
เมื่อเขาถึงที่นัดหมาย ภาพโดยรอบหาใช่สีมืดของรัตติกาล หากแต่มืดมิดราวกับใต้หุบเหว มีเพียงไอวิญญาณสีแดงอ่อน
จากร่างสีแดงเข้มเบื้องหน้าซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาที่เขาสามารถมองเห็น
การโจมตีครั้งแรกของผู้ตอบรับคำนัดหมายกระแทกเข้าที่สีข้างของเขา พลันเรียกสติให้กลับสู่ร่างกาย หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นมารอบมือที่กำกริชเอาไว้
การมองเห็นของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง ทหารเอลฟ์อาสาเบื้องหน้าร่างเวทย์แห่งธรรมชาติ
รากไม้มากมายพุ่งเข้าโจมตีมือสังหารตัวน้อย เขาพุ่งเข้าใส่ทหารอาสาเต็มแรง
กริชเล่มยาวซัดเข้าใส่เป้าหมาย ที่กลายเป็นอากาศธาตุไปในบัดดล แรงจากการพุ่งส่งร่างของหนุ่มน้อยกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่
ร่างของทหารอาสาโผล่มา พลางกดน้ำหนักผ่านเท้าสู่ร่างของเด็กหนุ่ม
"สุดท้าย นายมันก็เป็น ผู้ซึ่งแพ้ตลอดกาล จริงๆสิน่า.." เสียงกล่าวเย้ยหยันของทหารอาสายิ่งยั่วยุเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง
"ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าพี่ของนาย จะมีน้องชายแบบนี้" สิ้นเสียง ความอดทนของเด็กหนุ่มก็หมดลง ความแค้นปะทุขึ้นในจิตใจเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน
เสียงกู่ร้องของเขาลั่นไปทั่วป่าราวกับสัตว์ร้าย วิญญาณของเขาส่งเสียงกรีดร้องราวกับจะแตกสลาย
พลันใบมีดปริศนาเสียบทะลุอกทหารอาสาจากเบื้องหลัง เลือดสาาดกระเซ็นออกมาจากบาดแผลพร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ล้มลง
ผู้ทำร้ายทหารหาใช่ใครอื่น.. หากแต่เป็น'ตัวเขาเอง'ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้ามือสังหารผู้น้อง
"แกเป็นใคร !" สิ้นเสียง ร่างจำแลงเบื้องหน้ากระจายออก กลายเป็นฝุ่นผงหายไปในอากาศ
สิ่งที่เหลือจากเหตุการณ์เมื่อครู่ คือศพของทหารอาสา และเด็กหนุ่มผู้เปื้อนด้วยโลหิต
ไม่มีร่องรอยของสิ่งแปลกประหลาดเมื่อครู่เหลืออยู่อีกเลย...
เขารีบวิ่งลงจากยอดเขา ออกห่างจากหมู่บ้านด้วยความหวาดกลัว
'ถ้าข้าถูกจับ ข้าจะถูกลงโทษ ถ้าข้าหนี ข้าจะไปอยู่ที่ไหน'
ความรู้สึกราวกับวิญญาณแยกออกเป็นสองส่วนยังคงอยู่ หากแต่อาการปวดหัวได้หายไปแล้ว
'ข้าพ่ายแพ้ ข้าผิดหวังในรักแรก ข้าฆ่าทหารฝั่งเดียวกัน..' ความโศกเศร้าเข้าครอบคลุมจิตใจของเขา ความโกรธแค้นแทบจะมลายหายไปสิ้น
'..เราฆ่าเอลฟ์ไปตนหนึ่ง เราจะกลับไปที่นั่นไม่ได้อีกแล้ว..' พลันสัมผัสวิญญาณของเขารับรู้ถึงพลันประหลาดเบื้องหลัง มันพุ่งเข้ามาโดยที่เขายังไม่ทันหันไปมอง
เขาตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงสีฟ้าอ่อน จากคบเพลิงที่รายล้อมรอบตัวเขา
"บอกมา เอลฟ์ .. หมู่บ้านของเจ้าวางแผนจะบุกโจมตีเราเมื่อใด"
เสียงอันทรงอำนาจ หากแต่เยือกเย็นของผู้นำทัพปิศาจเอ่ย
แววตาแห่งมัจจุราชจับจ้องมาที่ใบหน้าของเขา
"ช้าก่อนท่าน เด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถทางวิญญาณยากจะหาใครเทียบได้"
เสียงของเสนาธิการปิศาจกล่าวแผ่วเบา หากแต่สะท้อนอยู่ในหัวของชายหนุ่ม
เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับคำชม แม้ว่าจะจากคนที่ควรจะเรียกว่าศัตรู
"งั้นรึ.." จอมทัพปิศาจเอ่ยเสียงเบา พลางหันไปมองหนุ่มน้อยเบื้องหน้า พร้อมเพ่งพิจวิญญาณของเขา
"ถ้าข้าจะให้เสนาธิการของข้า นำเจ้าไปฝึก เจ้าจะว่าอย่างไร" นิ้วเรียวลูบคมดาบพลางเอ่ยปากถาม
"ไม่มีปัญหา" พลันเสียงหลุดออกจากปากของชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ฝึกฝนฝีมือ แม้จะเป็นการฝึกจากศัตรู
การฝึกฝนโดยผู้ใช้มนต์มาร เสนาธิการแห่งอสูรดำเนินผ่านไป ทุกวันราวกับนรก ทำให้เด็กหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
สายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนการรับรู้จากสิ่งรอบตัว ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงประสาทสัมผัสของเขา ที่ทำให้เขารับรู้ถึงความเป็นไปรอบตัว
เขาพุ่งตัวผ่านช่องว่างอันเล็กน้อยในคลื่นวิญญาณที่เสกขึ้นมาโดยผู้ใช้มนตรานับครั้งไม่ถ้วน
พลาดพลั้งถูกกระแทกนับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุด เขาก็ควบคุมประสาทสัมผัสด้านการรับรู้วิญญาณได้สำเร็จ
รวมทั้งสามารถ'แบ่งแยก'วิญญาณของตน เป็นเสมือนตัวเขา เพื่อใช้ในการต่อสู้
จนในที่สุด เขาได้รับมอบหมายให้สังหารชนเผ่าของเขาเองในสงคราม หากแต่เสนาธิการเหมือนจะอ่านใจเขาออก
จึงส่งเขาไปโจมตีป้อมปราการเผ่ามนุษย์แทน โดยมีเป้าหมายเดียว คือฆ่าเอซาเลอร์ ผู้นำทางแห่งแสงของบรรดามนุษย์
โดยผู้ใช้มนต์มารได้เตือนเขาไว้ อาวุธสำคัญของเอซาเลอร์คือพลังแสงศักดิ์สิทธิ์ และความสามารถในการทำลายวิญญาณของเป้าหมายด้วยเวทย์มนต์
เขาลักลอบเข้าไปในเมือง ขณะที่กองทัพอสูรล้อมรอบเมืองอย่างเงียบๆ
ณ จุดสูงสุดในเมือง บนลานกว้างของหอคอย เอซาเลอร์ยืนรอเขาราวกับรู้ถึงการมาของเขา
'ที่ผู้ใช้มนต์มารให้เรามาฆ่าหมอนี่ อาจจะเพราะพลังวิญญาณของเขา' เขานึกพร้อมพินิจบุคคลเบื้องหน้า
'เสนาธิการมีชีวิตอยู่ได้เพราะวิญญาณมนุษย์.. สุดท้ายเราก็เป็นผู้แพ้อยู่ดีสินะ..' คิดพลางคว้าดาบทั้งสองขึ้นมา
เอซาเลอร์ร่ายเวทย์สร้างคลื่นพลังงานสะสมบนพื้นที่เบื้องหน้าเขา ขณะที่เขาพุ่งหลบ ลูกพลังพุ่งผ่านตัวเขาไปอย่างฉิวเฉียด
เปรี้ยะ!
กลุ่มพลังเวทย์ระเบิดขึ้นภายในร่างกายของเขา พลังวิญญาณของเขาถดถอยลงตามการเคลื่อนไหว
แสงแห่งเทพระเบิดขึ้นเบื้องหน้า บรรยากาศภายรอบเริ่มดำสนิทด้วยดวงตาที่บอดลง...
เอซาเลอร์ยิ้มกริ่มพลางร่ายเวทย์สะสมพลังงานซ้ำ
มือสังหารหนุ่มตั้งสติ ภาพที่เขามองเห็นเปลี่ยนไปช้าๆ จากมืดมิด กลายเป็นแดงฉานด้วยพลังวิญญาณ...
โครงร่างของเอซาเลอร์ร่ายเวทย์ปรากฎขึ้นในมโนภาพ กลุ่มวิญญาณสีแดงเจิดจ้าฉายแสงบ่งบอกเป้าหมาย เขาพุ่งเข้าใส่พลางคิด
'ร่างกายปราศจากวิญญาณ ย่อมไม่ต่างอะไรกับปีกที่กระพืออย่างไร้จุดหมาย'
เวทย์ของเอซาเลอร์ปะทุขึ้น กลุ่มพลังงานพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรุนแรง
'วิญญาณที่ปราศจากกาย คงไม่ต่างกับความโศกเศร้าอันเงียบงัน' คิดพลางเบิกตากว้าง ด้วยร่างที่แทบจะไม่เหลือพลังวิญญาณ
'ถ้าอย่างนั้น... สลับวิญญาณ!!'
ภาพในสายตาของเขา คือพลังงานวิญญาณของเอซาเลอร์ซึ่งถูกกระชากออกมา แทนที่ด้วยวิญญาณที่ใกล้ดับสลายของเขา
ร่างของเขาลอยละลิ่วด้วยแรงถีบเฮือกสุดท้าย ที่กำลังแทนที่ด้วยวิญญาณอันแข็งแกร่งถูกปลดปล่อย
พลังงานอันเต็มเปี่ยมพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาพร้อมใบมีดที่เฉือนผ่านลำคอของผู้นำทางแห่งแสงสว่าง
ร่างไร้วิญญาณของนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ล้มลงกับพื้นศิลาแกร่ง เขาหันไปมองช้าๆ กองทัพอสูรทะลักเข้ามาในเมืองราวกับน้ำไหลบ่า
'นี่หรือ.. สิ่งที่ข้าทำลงไป' รำพึงท่ามกลางสายลม เส้นผมยาวสีดำขลับพลิ้วไปตามแรงลมเล็กน้อย
หลายวันต่อมา มีคำสั่งให้เขาบุกทำลายหมู่บ้านตนเองอีกหน หากแต่รอบนี้ไม่มีเสนาธิการคอยชี้แนะให้เขาไปร่วมรบในสมรภูมิอื่น
พี่ชายของเขา เป็นผู้สังหารเสนาธิการปิศาจ ความรู้สึกของเขาตอนนี้ทั้งโกรธแค้น และขอบคุณพี่ชายของเขาในเวลาเดียวกัน
'ถ้าข้าเข่นฆ่าพวกพ้อง ข้าย่อมทำไม่ได้ แต่หากข้าทรยศต่อจอมอสูร ข้าจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ฤๅ'
ชะตากรรมลิขิตให้พวกเขาต้องมาพบกัน มือสังหารผู้น้องวิ่งไล่ทหารเอลฟ์ใกล้ตายเข้าไปในป่า พลันได้พบกับพี่ชายแท้ๆของตน
"พ่อคิดถึงเจ้ามาก น้องข้า"
"ข้าไม่คิดจริงๆ ว่าข้าต้องทำแบบนี้ พี่ใหญ่ ท่านเป็นผู้ฆ่าอาจารย์ของข้า"
"แล้วเจ้าล่ะ พรากแสงสว่างแห่งความหวังของพวกเราไป เจ้าฆ่าท่านเอซาเลอร์"
"ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ได้จับมีดหั่นผัก แต่ก็ไม่ได้มีฝีมือน้อยกว่าใช้มีดหั่นผัก" ว่าพลางพุ่งเข้าปะทะ
คมดาบกระแทกลงบนใบดาบของผู้พี่ วิญญาณของเขาเกิดความเสียหายจากพลังเวทย์ที่พี่ชายของเขาแผ่ออกมาจากอาวุธทุกครั้งที่ปะทะ
เขาฟาดคลื่นวิญญาณพุ่งเข้าใส่ศัตรูร่วมสายโลหิต หากแต่พี่ของเขากลับมาโผล่ที่เบื้องหลังของเขาเสียแล้ว
'ผู้นำทางของข้า!' ว่าพลางแบ่งแยกวิญญาณ ร่างจำแลงพุ่งเข้าฟาดใส่ร่างของพี่ชาย หากแต่ร่างนั้นกลับมลายไปอีกครา
มือสังหารน้อยเหลียวมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง เงาของพี่พุ่งผ่านตามแมกไม้ เขาหลับตาลงแล้วค่อยๆจับคลื่นวิญญาณของพี่ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฉัวะ!
ใบดาบฟาดลงบนกลางตัวพี่ของเขา ส่งร่างนั้นกระเด็นไปไกล
"ทำไมเจ้าไม่กล้าลงมือซ้ำล่ะ.." ผู้ที่แทบจะสิ้นชีวีเอ่ยถาม เขาหยิบดาบในมือยกขึ้นมาช้าๆ
ฟุ่บ!
ร่างกายของพี่ชายหายไปทันที ด้วยพลังเวทย์ของผู้ใช้มนตราชาวเอลฟ์ที่ส่งเขากลับไป
มือสังหารหนุ่มเงยหน้าอย่างตกใจ พลางเพ่งไปเบื้องหน้า
..ภาพของสาวงาม ผู้ที่เขาตกหลุมรัก น้ำตาของนางทำให้ใจของเขาแทบสลาย เขาละทิ้งทุกอย่าง กลับไปยังดินแดนแห่งอสูรด้วยความเศร้าโศก..
สองคืนต่อมา เขาละเลยคำสั่งของจอมทัพอสูร เพื่อเข้าไปในหมู่บ้านคนเดียว
ยอดเขาที่ซึ่งเขาเคยใช้ฝึกฝนร่างกายยังคงเยือกเย็นดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา ใบหน้าของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อย สูดอากาศของดินแดนที่แสนคิดถึงเข้าไปช้าๆ
เคล้ง!!
เขาเอี้ยวตัวหลบพลางฟาดดาบสร้างคลื่นวิญญาณพุ่งเข้ากระแทกเป้าหมายด้านหลัง ศรดอกหนึ่งพุ่งผ่านช่องว่างใต้แขนของเขาไป
"เจ้า!!" เขาร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นศรลูกนั้น ช้าเกินกว่าจะยั้งมือแล้ว !
"ท่าน .. " เสียงกรีดร้องสุดท้ายของหญิงสาวผู้ที่เขารักเสมอมาดังขึ้น เขาพลาดพลั้งโจมตีออกไปโดยไม่ทันคิด เช่นเดียวกับนาง
ร่างไร้วิญญาณของนางล้มลงกระแทกพื้นช้าๆ กำไลข้อมือซึ่งเขาเคยมอบให้กลิ้งลงมาจากมือที่กำไว้หลวมๆของนาง
"อ๊ากกกกกก" เขาคุกเข่าลง กรีดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ดวงตาสีขาวสนิทของเขาเบิกกว้างพลางชกพื้นอย่างรุนแรง
"เจ้า .. เจ้าฆ่านาง!!" พี่ชายของเขาที่ตามเสียงร้องมาตะโกนลั่น พลางพุ่งเข้าหมายจะสังหารน้องชายของตน
สำหรับมือสังหารหนุ่มผู้สูญเสียแทบทุกอย่างในชีวิตไปแล้ว ภาพคลื่นวิญญาณบนใบดาบที่พุ่งเข้าสู่ร่าง เหมือนผ่านไปเป็นนาที
'คงจะดี หากเราได้จบชีวิตลงแบบนี้...ด้วยพี่ชายของเรา' ใบดาบของพี่ตวัดเขากระเด็นขึ้น
'ในที่สุด เราก็หนีมันพ้น...' เลือดของเขาสาาดกระเซ็นไปทั่วยอดเขา น้ำตาของเขาและพี่ชายไหลอาบทั่วแก้ม
'ในที่สุด เราก็กล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง..' ดาบที่ผ่านเข้าสู่ร่างกาย ช่างเจ็บน้อยนิด เมื่อเทียบกับแผลในหัวใจ
'หรือนี่จะเป็นโชคชะตา? ให้ทุกอย่างมันจบลงวันนี้แหละ..'
'หยุดบาปของฉัน.. หยุดความอ่อนล้าที่ไม่สิ้นสุดในหัวใจ'
'หยุดเป้าหมายของฉัน .. การแก้แค้น..'
'แสงแห่งจันทราฉายส่องลงมาสู่ทุกสิ่ง ทำให้บรรยากาศกลายเป็นสีฟ้าอ่อน
ทิวทัศน์คงจะค่อยๆกระจ่างใสช้าๆ.. ถ้าฉันมองเห็นมันได้ ก็คงจะดี...'
_______________________________
...
......
.........
............
อย่าลืมนะครับ นี่แค่พล็อต!
ฝากด้วยน้า ถ้าว่างๆรบกวน ติ จะได้นำไปแก้ไขจ้า
นิยายเรื่อง Serenade ตอนนี้อัพขึ้นเด็กดีแย้ว ให้เพื่อนแก้ไขนิดหน่อย(ไม่นิดล่ะมั้ง)
ฝันดีจ้า
ด้วยความเคารพ