Sweet_berry จ๊ะจ๋าเจ้าขา
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #15 เมื่อ: 22-01-2010, 21:52:32 » |
|
พ่อของแผ่นดิน
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
|
Sweet_Berry [เกรียน,เบอร์รี่์ No.1]: ไม่หาเรื่องใคร แต่ไม่ยอมคนที่มาหาเรื่องก่อนค่ะ
|
|
|
ดนตรีสร้างคุณค่าชีวิต
Jr. Member
กระทู้: 486
อยู่บ้านเรายามหนาว ก็หนาวเเค่เพียงกาย
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #16 เมื่อ: 23-01-2010, 07:11:45 » |
|
|
ตนค้นตน ดีชัวที่ตัวทำสูงตํ่าที่ทำตัว
|
|
|
เลสตัวแม่
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #17 เมื่อ: 23-01-2010, 11:36:25 » |
|
ประเทศอื่นมีข่าวเกี่ยวกับพระมหากษัตย์(สะกดผิดขออภัย)วันล่ะครั้งไหม
นี่คือคำถาม ที่อาจบอกได้ว่า เรารักในหลวงจริงๆ
|
|
|
|
เซงมาก,,
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #18 เมื่อ: 23-01-2010, 14:18:06 » |
|
|
~ ต่อจากนั้นชั้นก้อล้มทั้งยืน ไม่มีเหลือเรี่ยวแรงที่จะเดิน ~
|
|
|
ĈŸß€®ĿËă
Sr. Member
กระทู้: 1,649
VIP MEMBER
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #19 เมื่อ: 23-01-2010, 19:56:17 » |
|
เรื่องจาก FW mail
ในหลวงทรงร้องไห้
เมื่อวันที่ 8 มีนา ที่ผ่านมาผมได้ไปงานที่โรงเรียน เหมือนเช่นทุกปีตอนกลับเดินมาตามตึกยาวเพื่อจะกลับมาทางประตูด้านเพาะช่าง ยังไม่ถึงบริเวณเศาลหลวงพ่อปู่ พบอาจาร์ยท่านหนึ่งนั่งอยู่
จำได้ว่าเป็นอาจารย์สุธี ท่านเกษียณไปแล้ว ไม่รู้คุณรู้จักรึเปล่า กราบอาจารย์ท่านแล้ว สังเกตุเห็นว่าอาจารย์ร้องไห้อยู่ ท่านบอก เพิ่งได้พบกับรุ่นพี่ที่มาในงาน รุ่นที่เท่าไหรก้อไม่ได้ถาม เป็นนายทหารราชองครักษ์ชั้นผู้ใหญ่ เค้าเล่าให้อาจารย์ฟังว่า
****ในหลวงทรงร้องให้เห็นบ่อย****
'ทรงเสียใจที่เมืองไทยจะสิ้นในรัชกาลของท่าน แล้วกระนั้นหรือ'
ผมอยากจะตอบอาจารย์ไปว่าคงไม่หรอก ถ้าคนไทย รู้จำคำว่าว่า'หน้าที่'มากกว่า'สิทธิ' เราเคยชินกับการเป็น..ผู้รับ...จากคนคนหนึ่งที่เกิดมาเป็น..ผู้ให้...ให้มาตลอด เคยชินจนลืมไปว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วรึยังที่ เราควรจะผู้ให้แก่พระองค์ท่านบ้าง... ผมลาอาจารย์เรียบร้อยร้อย กลับไปตามตึกยาว ไปไหว้ พระผู้ให้กำเนิดโรงเรียน อธิฐาษขอให้พระองค์ท่านช่วยคุ้มครองให้หลานท่านทรงมีแต่ความสุข..ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง...เพียงแค่ไม่อยากได้ยินว่า ..ในหลวงทรงร้องไห้ ความสุขของพระมหากษัตริย์ หนึ่งปีที่ผ่านมา เราใส่เสื้อเหลืองเราใส่สายรัดข้อมือสีเหลือง
คนนับแสนไปนั่งรอเป็นชั่วโมงๆ หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อจะได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทพระเจ้าอยู่หัวเพียงไม่กี่นาทีวันนั้น ในขณะที่ทั้งโลกเริ่มเสื่อมศรัทธาในระบบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเราได้ แสดงให้โลกได้เห็นว่ามีประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งที่คนทั้งชาติยังซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงศ์ จักรี และ พระมหากษัตริย์อันทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย
.....สิบสองปีที่ผ่านมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนักด้วยโรคหัวใจเพราะทรงงานหนักเกินไปในขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชชนนีก็ทรงพระประชวรหนักอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราชเช่นกัน เรายังจำรูปในหนังสือพิมพ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพระราชชนนี ไม่กี่วันหลังจากการผ่าตัดใหญ่ถวาย พระหัตถ์ข้างหนึ่งกุมอยู่ที่พระอุระ และในพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งทรงถือ ม้วนแผนที่กรุงเทพฯ เพราะน้ำกำลังท่วมกรุงอยู่ ยังจำกันได้ไหม? ..... 34 ปีที่ผ่านมา
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516
เป็นครั้งแรกในรัชกาลที่เกิดวิกฤติด้านการเมืองรุนแรงที่สุด วันนั้น นิสิตนักศึกษาและประชาชนนับหมื่นนับแสนเดินขบวนประท้วงรัฐบาล เหตุการณ์ร้ายแรงยิ่งขึ้นตำรวจทหารยิงประชาชน ในขณะที่นิสิตนักศึกษาก็เผาสถานที่ราชการ เกิดกลียุคทุกหย่อมหญ้า ' คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง '
คืนนั้น สถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสดจากพระราชวังสวนจิตรลดา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกันคนไทยทุกคนว่า 'คนไทยจะฆ่าคนไทยด้วยกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องสงบโดยฉับพลัน' และทุกอย่างก็สงบโดยฉับพลัน หลังจากนั้นไม่นาน มีฝรั่งคนหนึ่งมาถามผมว่า 'เป็นไปได้อย่างไร ที่คนๆ เดียวจะมีอำนาจเหนือคนทั้งประเทศได้อย่างนั้น?' ผมไม่ได้ตอบ แต่ตอนนั้นใจผมคิดถึงประโยคที่ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมชฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC ว่า พระองค์ทรงเป็น 'SOUL OF THE NATION' หรือ'จิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ' ยังจำกันได้ไหม? แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ เราสร้างค่านิยมผิดๆ ว่าคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มีเงินมากที่สุด เราโกงทุกครั้งที่มีโอกาส เราเรียกร้องประชาธิปไตยโดยคิดถึงแต่ 'สิทธิ ' แต่ลืมคำว่า 'หน้าที่' เรากำลังฆ่ากันเองทุกวันในภาคใต้ เราสร้าง 'กฎหมู่' ให้เหนือ 'กฎหมาย' เราเดินขบวนประท้วงในทุกอย่างที่เราไม่เห็นด้วย เราก้าวร้าวต่อกัน เราแตกแยกกัน และทั้งโลกกำลังจับตามองเราอยู่ เราเคยหยุดคิดกันบ้างไหมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา จะทรงเสียพระทัยเพียงใด? แล้วสิ่งที่เราทำไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาคืออะไร การที่เราใส่เสื้อเหลือง สายรัดข้อมือ ที่ว่า Long life The King เราทำเพื่ออะไร มันเป็นแค่ผักชีโรยหน้าที่จะแสดงให้โลกเห็นว่าคุณรักพระมหากษัตริย์เพียงใดเท่านั้นนะเหรอ
80 ชันษาของพระองค์ท่าน หากเปรียบกับคนธรรมดาก็สมควรที่จะได้พักเต็มที่ได้รับการดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่สมควรที่จะตรากตรำทำงานหนัก แต่กลับเป็นว่า ในปีที่ครบ 80 ชันษาของพระองค์ท่านยังต้องทรงงานอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ทรงต้องอยู่ภายใต้การถวายการดูแลของคณะแพทย์
พระองค์ต้องรับทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แห่ล้อม ด้วยข้าราชบริพาร
หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ เมื่อประชาชนของพระองค์ท่านรักสามัคคีกัน รู้จักความ พอเพียง และมีสติ-เพียงเท่านี้เอง แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่? หรือนี่คือการแสดงความกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ของเรา
|
|
|
|
ĈŸß€®ĿËă
Sr. Member
กระทู้: 1,649
VIP MEMBER
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #20 เมื่อ: 23-01-2010, 19:59:20 » |
|
ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
คนสงสัยว่า รถนายก ทำไมต้องติดไฟแดง > >>> เหตุ นี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน บนถนนแห่งหนึ่งในกทม. > >>> มีรถยี่ห้อโตโยต้าสีดำ > >> คันหนึ่งได้ขับ > >>> ไปบนถนนเส้นนั้นโดยในรถคันดังกล่าวมี > >>> เพียงชายผู้หนึ่งที่กำลังขับรถอยู่เพียง > >> คนเดียวและ > >>> ในระหว่างทางที่ขับไปนั้น ชายดังกล่าวได้จอดรถแวะข้างทางเพื่อซื้อกาแฟ 1ถุง > >> และได้ออก > >>> รถไปจนกระทั่งขับ > >>> มาถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่งชายดังกล่าวก็ได้จอดติดไฟแดงอยู่ > >> จนมีรถ > >> ;> ตำรวจคันหนึ่งซึ่งขับนำรถเบนซ์มาได้บีบแตรไล่รถที่ชายผู้นั้นจอดติดไฟ > >>> แดงอยู่ > >> นั้นให้ถอย > >>> ไปและรถตำรวจยังได้พูดผ่านไซเรนว่า > >>> "เป็นรถนำขบวนรัฐมนตรีให้รถของชายดังกล่าว > >> หลบ > >>> ไป" > >>> แต่รถของชายผู้นั้นก็ไม่หลบให้จนกระทั่งตำรวจได้ลงจากรถมาที่รถของชายดัง > >> กล่าว > >>> และเรียกให้ชายผู้นั้นล งจากรถ พอชายผู้นั้นได้ลงมาจากรถ ตำรวจได้เห็นชายคน > >> นั้นถึงกลับ > >>> เป็นลมล้มทั้งยืน > >>> สร้างความตกใจให้แก่ตำรวจอีกคนที่นั่งอยู่ในรถจนต้องวิ่งลง > >> มาดูพร้อม > >>> กับ รัฐมนตรี พอตำรวจและรัฐมนตรีมาถึง ทั้งคู่ได้เห็นชายดังกล่าว ทั้งตำรวจ > >> และรัฐมนตรี > >>> ได้นั่งลงไปกับพื้นทันทีเสมือนกับว่าขาทั้ง 2 ข้างได้ > >>> อ่อนแรงลงไปทันใดและได้ > >> เงยหน้า > >>> มองดูชายซึ่งยืนอยู่ข้างหน ้าตนด้วยอาการตัวสั่น ชายคนนั้นที่ทั้งคู่ได้เห็น > >> เป็นชายที่มีรูปอยู่ > >>> บนธนบัตร ซึ่งก็คือ " ในหลวงองค์ปัจจุบัน " > >>> ในหลวงได้ทรงตรัสถามรัฐมนตรีและตำรวจติดตามว่า > >>> พวกท่านจะรีบไปไหนหรือถึงกลับ > >> จะ > >>> ต้องฝ่าไฟแดงข้าพเจ้ายังรอติดไฟแดงได้เลย รัฐมนตรีไม่ตอบได้แต่นั่ง ตัวสั่น > >> และกราบลง > >>> บนพระบาท และในหลวงก็ได้ทรงขึ้นรถ ตำรวจที่นำขบวนรัฐมนตรีมานั้นก็ได้ทูลว่า > >> ให้ข้าพระ > >>> พุทธเจ้าขับรถนำรถพระที่นั่งของพระองค์ไปมั๊ยพุทธเจ้าข้า > >>> ในหลวงทรงตรัสว่าเรา > >> ไม่ต้อง > >>> ให้ท่านมานำขบวนรถเราหรอก เราขับไปเองคนเดียวได้ ท่านไปนำรถของท่านรัฐมนตรี > >>> เถอะ และในหลวงก็ได้ทรงขับรถออกไปจากสี่แยกนั้นโดยไม่ได้มีรถตำรวจนำไปแต่ > >> อย่าง > >>> ใด เลย> >> > >> > > > > > DISCLAIM ER:
|
|
|
|
|
The kIP
Asura Tester
Full Member
กระทู้: 988
ดีใจที่มีเพื่อนดีๆ
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #22 เมื่อ: 23-01-2010, 20:11:55 » |
|
ผมไม่ได้รักในหลวงมากที่สุดในโลก แต่ผมรักท่านเท่าคนธรรมดาคนนึงที่จะรักและเทิดทูนใครซักคนได้ จะเป็นคนดีเพื่อพ่อหลวง แค่โลกอาจจะเป็นคำจำกัดความที่น้อยไปสำหรับผม
|
เดินไปบนวิถีแห่งสวรรค์ เพื่อปกครองทุกสิ่ง
|
|
|
~พ.แพรว~
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #23 เมื่อ: 23-01-2010, 21:26:31 » |
|
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
|
" หื่นซึ่งหน้า ห่นไม่แคร์สื่อ..มีปัญหาม่ะ!! "
|
|
|
เซงมาก,,
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #24 เมื่อ: 23-01-2010, 21:41:14 » |
|
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ทางการเลย
|
~ ต่อจากนั้นชั้นก้อล้มทั้งยืน ไม่มีเหลือเรี่ยวแรงที่จะเดิน ~
|
|
|
~:•悪魔猫。<แมวปีศาจ>•:~
Asura Tester
Hero Member
กระทู้: 16,568
ทำไมพักนี้ดราม่าเยอะจังฟะ - -*
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #25 เมื่อ: 23-01-2010, 21:52:17 » |
|
|
|
|
|
ĈŸß€®ĿËă
Sr. Member
กระทู้: 1,649
VIP MEMBER
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #26 เมื่อ: 25-01-2010, 10:35:46 » |
|
จากยายซุบ ถึง ในหลวง..
แล้วท่านล่ะ...วันนี้ท่านตอบแทนคุณในหลวงอย่างไรบ้าง ..? อ่านกี่ครั้งก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานแค่ไหน ยายซุบ สามร้อยยอด เป็นหญิงชาวบ้านวัย 70 แห่งบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ยากจนมาตังแต่ยังสาวจวบจนวันนี้ หากแต่เธอกลับยืนยันว่า เธอมีอดีตที่มีความหมายต่อชีวิตของแก อดีตที่หมายถึงชีวิตใหม่ ไม่ว่าแกจะยังจนต้องขอเงินลูก ๆ 9 คนใช้ดังเช่นทุกวันนี้หรือจะมั่งมีศรีสุข ถูกหวยรวยเบอร์อย่างไรก็ตาม แกไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้น เหตุการณ์ที่ล่วงเลยมานานกว่า 40 ปี การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฏรบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี ไม่เพียงทำให้หมู่บ้านที่ยากจน ล้าหลัง ไม่มีแม้ถนนที่จะติดต่อกับโลกภายนอก ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น หากแต่การเสด็จพระราชดำเนินในครานั้นได้ทำให้หญิงคนหนึ่งมีชีวิตยืนยาวต่อมาจนถึงวันนี้
สมัยยังสาวยายเคยไปรับเสด็จในหลวงใช่ไหม ?
ยาย-ใช่ ตอนนั้นไปรับเสด็จที่ตีนถ้ำไทรในหมู่บ้านเรานี่แหละ ท่านเสด็จฯ มาทางเหนือ ไอ้เราป่วยเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องมาครึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่รู้หรอกนะตอนน ั้นว่าเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องนอนซม คนในบ้านบอกในหลวงจะมา เราก็อยากเห็น อยากไปรับเสด็จ แต่ปวดท้องจนเดินไม่ไหว
เดินไม่ไหว แล้วไปยังไง ?
ยาย-ก็ให้คนหามไป ใส่เกวียนไปเลย
ทำไมถึงเลือกไปเฝ้าในหลวง ไม่ไปหาหมอ ?
ยาย-ไม่รู้สิ คืออยากเห็นตัวจริง ๆ ใกล้ ๆ นะ คิดในใจว่ายอมตายได้ แต่ขอไปรับเสด็จก่อน แลกตัวแลกชีวิตกันเลย พูดง่าย ๆ ว่าวัดดวงเอาเลย อีกอย่างตอนนั้นถ้าเราไปหาหมอก็ลำบาก เพราะน้ำแห้ง เรือเครื่องก็ไม่มี ถ้าไปก็คงไปไม่ถึง มันคงจะตายก่อน
แล้วตอนนั้นได้ถวายอะไรท่านบ้างไหม ? ยาย-ยกมือพนมยังจะไม่ไหวเลย จะให้ถวายอะไรอีก (หัวเราะเสียงดัง)
แล้วได้เห็นท่านไหม ?
ยาย-ก็ได้เห็นท่านอยู่ แต่ก็เห็นห่าง ๆ แล้วก็เห็นไม่นานเพราะว่าพระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ไปที่ตีนเขาอีกลูกคนละฟาก ทรงไปดูเรื่องที่จะระเบิดเขาทำทางเข้าออกหมู่บ้าน
ไส้ติ่งเรากำลังจะแตก แล้วรอดมาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น ?
ยาย-ตอนนั้นไส้ติ่งกำลังจะแตก เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว พอดีว่าพระราชินีท่านทรงเยี่ยมเยียนราษฏร แล้วทอดพระเนตรเห็นเรานั่งหน้าซีด พิงเพื่อน คือได้ตอนนั้นมันไม่ไหวจริง ๆ ท่านทอดพระเนตรเห็นก็คงสังเกตได้ว่าอาการเราไม่ดี พระองค์ก็ถามว่า เป็นอะไร ? ท่านบอกให้พูดธรรมดาก็ได้ เราบอกว่าเจ็บท้อง พระองค์ท่านตรัสถามต่อว่า เจ็บมากี่วันแล้ว ? เราก็บอกว่า เจ็บมาครึ่งเดือนเห็นจะได้ ท่านก็เลยบอกให้หมอที่มาด้วยตรวจดู
แล้วหมอว่ายังไง ?
ยาย-หมอบอกว่าไส้ติ่งกำลังจะแตก พอหมอบอกอยางนั้น พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อไปที่ในหลวงซึ่ง ทรงอยู่ที่ตีนเขาอีกลูก
รู้ได้ยังไงว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงติดต่อไปที่ในหลวง ?
ยาย-รู้สิ เพราะเห็นในหลวง พระองค์ท่านทรงวิ่งจากตีนเขาลูกโน้นมาเลย ห่างกันถึง 1 กิโล ( แค่นี้ก็ตื้นตันแทนคุณยายแล้ว)
รู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนั้น ?
ยาย-ดีใจแล้วก็ปลื้มใจแบบมาก ๆ ไอ้ตอนแรกคิดว่ากำลังจะตายนี่ คิดว่าตัวเองรอดแน่ มันมีกำลังใจ คิดว่าขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังเอาใจใส่เราขนาดนี้ เราจะตายไม่ได้
พอในหลวงเสด็จมาถึง ทรงตรัสว่าอย่างไรหรือไม่ ?
ยาย-ท่านให้เอา ฮ. มารับ ท่านตรัสว่า เดี๋ยวเราจะกลับทางเรือเอง ให้เอาคนไข้ไปส่งก่อน พอพระองค์ท่านตรัส หมอสองคนก็หิ้วปีกเราไป ในหลวงท่านทรงเมตตาเราไปจนถึงเครื่อง พอเราขึ้นไป ก่อนที่ประตู ฮ. จะปิด เราก็มองลงมาเห็ นในหลวง ท่านทรงโบกพระหัตถ์ เราซาบซึ้งมาก ยิ่งบอกตัวของเราเลยว่าเราจะตายไม่ได้
ถ้าไม่มีในหลวงในวันนั้น ก็ต้องตายแน่ ?
ยาย-แน่นอน ไม่ต้องอะไรหรอก หมอบอกว่า มาช้ากว่านี้แค่ 2-3 นาที ก็ไม่รอดแล้ว แล้ววันนั้นอย่างที่บอกว่าเรือเครื่องก็ไม่มี น้ำก็แห้ง ไม่รู้ใช้เวลาครึ่งวันจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า ถ้าในหลวงไม่เสด็จมาที่นี่ วันนั้นก็ตายแน่ ตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรตาย
เหมือนกับได้ชีวิตใหม่ ?
ยาย-ใช่ ชีวิตทุกวันนี้ถึงฉันแก่แล้ว แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกที ตอนนั่งดูโทรทัศน์ เวลาเห็นท่าน เราก็จะพนมมือไหว้ตลอด รู้สึกว่าท่านได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเรา
ตอนนั้นอยู่บน ฮ. เป็นอย่างไรบ้าง ?
ยาย-จำไม่ค ่อยได้ รู้แต่ว่าพอบินขึ้นไปพักใหญ่หมอก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราพูดไม่ค่อยไหว แต่ก็บอกไปว่าปวดท้อง บน ฮ. นอกจากเรา ก็มีหมออีก 2 คน แ้วก็คนขับอีก 2 คน จำได้แค่นี้ล่ะ
ฮ. พาไปที่โรงพยาบาลไหน ?
ยาย-โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ เพชรบุรี
แล้วพักอยู่กี่วัน ?
ยาย-ปกติคนเป็นไส้ติ่งทั่วไปเขาพักกัน 3-4 วันก็ออกได้แล้ว แต่เราเป็นหนักต้องพักถึง 24 วัน ถ้าในหลวงไม่ช่วยก็ตายแน่ แล้วถ้าเราตาย ลูกเต้าก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ในหลวงท่านทรงเมตตา ทรงดูแลเราอย่างดี ห้องที่เราพักอยู่นี่ดีมาก เป็นห้องพิเศษเลย พูดตรง ๆ ว่า ดีกว่าบ้านที่ฉันอยู่อีก หมอก็นิสัยดี พูดจากับเราเพราะแล้วก็ใจดี
** ในหลวงท่านทรงห่วงใยเรามากมีคนมาเยี่ยม ถามอาการ ถามสารทุกข์สุขดิบทุกวัน คนใกล้ชิดพระองค์ท่านก็ถามเรานะว่า จะฝากอะไรถึงท่านไหม เราบอกให้ พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พูดได้แค่นั้น มั นตื้นตันจนนึกไม่ออก**
หลังจากวันนั้นแล้วเป็นอย่างไร ?
ยาย-ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านอีกเลย ถ้าเรามีโอกาส จะขอเข้าไปกราบแทบพระบาทเลย สิ่งที่พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือเราไว้ เป็นความซาบซึ้งที่สุดในชีวิตแล้ว
** คิดูสิโลกนี้จะหากษัตริย์อย่างท่านได้ที่ไหน เราเป็นแค่ชาวบ้านจน ๆ แต่ท่านห่วงเราเหมือนเราเป็นลูกพระองค์ท่าน ทรงห่วงเราเหมือนที่เราห่วงลูก ท่านทรงเสียสละแม้กระทั่งของส่วนพระองค์ ทรงยอมลำบากกลับทางเรือเพื่อคนอย่างเรา พูดตรง ๆ ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้ฉันตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติก็ทดแทนไม่หมด**
กลับมาบ้านแล้ว เป็นอย่างไร ?
ยาย-ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ พระองค์ท่านก็ส่งเงินมาให้อยู่ถึง 1 ปี ครั้งละ 3-5 พันบาท ส่งมาหลายครั้งอยู่ เรารู้เพระว่าใส่ซองสีขาวประทับตราสำนักพระราชวัง จากเหตุการณ์นั้นทำให้เรารักในหลวงของเรามาก
แล้วทุกวันนี้ก็ยังน้อยใจตัวเองอยู่ว่า เวลาที่ท่านป่วย เราก็ไม่มีเงินไปเฝ้า ไปแสดงความจงรักภักดีกับท่าน ได้แต่ร้องไห้อยู่กับบ้าน นั่งร้องไห้ทุกวัน ดูข่าวทุกวัันไม่เคยเว้นเลย ** ฉันอายตัวเองว่า ในขณะที่ท่านให้ชีวิตใหม่กับเรา แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย**
การเสียสละของในหลวงคราวนั้น ได้เอามาปฏิบัติตามหรือไม่ ?
ยาย-มีส่วนมากเลย เวลาคนในหมู่บ้านเขาป่วยเป็นอะไร ฉันก็ไปเยี่ยมเขาทั่ว ไปไหนไปกัน มีใครเจ็บในหมู่บ้านนี่ฉันจะไปเยี่ยมหมด บางทีถึงไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ญาติเขา แต่เราก็ไป ไปนั่งพูดคุยให้กำลังใจ บางทีก็ไปบีบให้นวดให้ นี่คือสิ่งที่ในหลวงให้เรา และเราให้คนอื่นต่อ
** เมืองไทยเราโชคดีที่มีในหลวง โชคดีมาก ๆ ไม่มีกษัตริย์ที่ไหนในโลกอีกแล้วที่จะเป็นห่วงชาวบ้านอยางฉันเท่ากับท่าน คนอยางเราเปรียบไปก็เหมือนมดปลวก แต่ท่านก็ยังใส่ใจ ท่านใส่ใจจริง ๆ เหมือนกับว่าคนไทย คือ ลูกของท่านทั้งแผ่นดิน**
|
|
|
|
ĈŸß€®ĿËă
Sr. Member
กระทู้: 1,649
VIP MEMBER
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #27 เมื่อ: 25-01-2010, 10:49:13 » |
|
เรื่องจาก FW mail.พระสหายแห่งสายบุรี ... น้ำตาแห่งความภักดี .... ไม่เคยเหือดแห้ง ... เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเปิดทีวีผ่านไปที่ช่องทีวีไทยโดยบังเอิญ เป็นความบังเอิญที่ทำให้ต้องหยุดดูจนจบรายการ
รายการนั้นชื่อว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย (ถ้าจำไม่ผิด) เป็นตอนที่นำเสนอ เรื่องราวของบุคคลผู้หนึ่ง ที่เราได้ยินชื่อและรู้จักท่านมานาน คุณปู่วาเด็ง ปูเต๊ะ ผู้ที่เป็น “ พระสหายแห่งสายบุรี ” ชายชราชาวมุสลิมที่มีความจงรักภักดีต่อในหลวงไม่เสื่อมคลาย
ข้าพเจ้าหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปคุณปู่ผ่านหน้าจอทีวี ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำเช่นนี้
คุณปู่เดินทางจากอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี มาโรงพยาบาลศิริราช ด้วยเหตุผลเดียวกันกับคนไทยอีกหลายล้านคนที่ไปที่นั่นเพื่อ “ ลงนามถวายพระพรให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร ”
คุณปู่เลือกชุดที่ดีที่สุดที่เก็บรักษาไว้ และด้วยเงิน 1,700 บาทที่ติดตัวมา คุณปู่ยังแวะลงกลางทาง เพื่อซื้อหารองเท้าคู่ใหม่ แทนคู่เก่าที่ใช้มาหลายปี เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้า ซึ่งคุณปู่ก็ได้ไปสั่งตัดเสื้อผ้าชุดใหม่ แถมยังไปนั่งเฝ้าอยู่ที่ร้านหลายวัน ด้วยกลัวจะตัดเสร็จไม่ทันวันเดินทาง คุณปู่บอกว่า “ เพื่อให้พระองค์เห็นวาเด็งแต่งกายเรียบร้อย ไม่อายคนที่ได้เป็นพระสหายแห่งสายบุรี ”
อีกครั้งทันทีที่ทราบข่าวพระอาการประชวรของในหลวง คุณปู่อยากเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และเมื่อมีโอกาส รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราผู้จงรักภักดี ก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันใจไปด้วย
ทางรายการถามว่า ทำไมเวลาคุณปู่พูดถึงในหลวงถึงน้ำตาซึม
คุณปู่วาเด็งเงียบไปครู่หนึ่ง น้ำตารื้นๆ ที่ขอบตาอีกครั้ง คุณปู่พูดเบาๆ ว่า “ ตื้นตัน ”
ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงตัวเอง และคนไทยอีกหลายๆ คน ที่เวลาพูดถึงพระองค์ท่าน อดไม่ได้ที่จะต้องน้ำตาซึม จะมีใครสักกี่คนในโลกใบนี้หนอ ที่เมื่อเรานึกถึง จะทำให้เราปลาบปลื้มและตื้นตัน จนเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ นึกๆ แล้ว นอกจาก พ่อแม่ ก็เห็นจะไม่มี
ทางรายการถามต่อไปว่า ถ้าขอได้ อยากขอให้คนไทยทำอะไรเพื่อในหลวง คุณปู่ตอบว่า เราไม่สามารถขอให้ทุกคนทำอะไรเพื่อในหลวงได้ แต่อยากให้ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม อย่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
และคำพูดจากหัวใจของชายชราผู้ภักดีคนนี้ที่บอกเล่าถึงสิ่งที่เขารู้สึก “ ผมไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคนรักในหลวงอย่างที่ผมรัก แต่ผมรักในหลวงหมดหัวใจ ผมทำทุกอย่างเพื่อพระองค์ท่านได้ ”
คำพูดจากปากของชายชราผู้หนึ่ง ที่แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด หากจะยังก้องสะท้อนอยู่ในหัวใจไปอีกตราบนานเท่านาน
ข้าพเจ้าเชื่อว่ายังมีคนไทยอีกหลายล้านคนที่รักและภักดีต่อพระองค์ท่าน ในหลวง พระผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย
.................................................................................
ประวัติ วาเด็งปูเต๊ะ หรือ "เป๊าะเด็ง" หรือที่รู้จักกันในนาม "พระสหายสายบุรี" ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2535 ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินไปโครงการพัฒนาพรุแฆ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จึงทำให้เป๊าะเด็ง และพสกนิกรในพื้นที่ทุกคนพ้นจากความทุกข์ยาก ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม นอกจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว การทูลเกล้าฯ ถวายข้อมูลในพื้นที่ และที่ดินผืนหนึ่งเพื่อทำโครงการพระราชดำริ จึงทำให้เป๊าะเด็งได้กลายมาเป็น " พระสหาย" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตที่น้อยคนจะได้รับ
วันนั้นเป๊าะกำลังทำสวนอยู่กับภรรยา คุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่า "ในหลวง" ต้องการพบตัวแต่ภรรยาไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งเป๊าะเลี้ยงโคกลับมา ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่สอง เป๊าะตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่าในหลวง ต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ ต.แป้น อ.สายบุรี เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร เป๊าะ ถึงกล้าไปพบ
แต่ตอนนั้นเป๊าะ ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าคนที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้วเป๊าะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นในหลวงจริงหรือเปล่า จึงแอบหยิบเงินใบละ 100 ใบ กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริงๆ
ตอนแรกที่พบในหลวงเป๊าะ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งโสร่งตัวเดียว เสื้อก็ไม่ได้ใส่ด้วย แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็ตรัสเป็นภาษามลายู ว่า จะสร้างคลองชลประทานให้ หลังจากนั้นในหลวงท่านก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลอง และข้อมูลในพื้นที่อื่นๆ พระองค์ยังตรัสชมว่า วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง วันรุ่งขึ้น ข้าราชการที่มารับเสด็จก็ต้องตกตะลึงไปตามๆกัน เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งให้เป๊าะพายเรือให้พระองค์เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ พระองค์มีพระราชดำรัสถาม พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร
ตอนพายเรืออยู่ ในหลวงตรัสด้วยว่า "ให้วาเด็งทำตัวให้สบาย มีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง"
ในหลวงคงจะทรงลองใจเป๊าะจึงตรัสถามขอที่ดิน เพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้ม เป๊าะจึงขอยกที่ดินถวายให้พระองค์ทันที ในหลวงจึงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้เป๊าะเป็น " พระสหาย ตั้งแต่บัดนั้น
ในหลวงตรัสเรื่องนี้ว่า " วาเด็งเป็นคนซื่อตรง จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง" พร้อมทรงชวนให้เป๊าะและภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ และเมื่อพระองค์เสด็จฯ มาสามจังหวัดก็เรียกให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้ง
ต่อมาในหลวงทรงสงสารจึงมอบเงินให้เป๊าะครั้งละหลายหมื่นบาท หากไม่ได้เสด็จฯ มาก็ทรงฝากเงินมากับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แทบทุกครั้ง
ล่าสุด ในหลวง ตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว อายุมากแล้ว ทรงเป็นห่วงสุขภาพวาเด็ง กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย เป๊าะก็นั่งทบทวนคำตรัสของพระองค์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิ กับคำว่า "พระสหายแห่งสายบุรี" นอกจากละหมาดขอพระผู้เป็นเจ้าเป๊าะยังเดินทางจาก จ.นราธิวาส มาเยี่ยมพระอาการประชวรของในหลวงถึง รพ.ศิริราช ด้วย
เป๊าะเด็งเป็น "แบบอย่าง" ของคนที่ซื่อสัตย์ เจียมเนื้อเจียมตัวและใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะต้องการทำตัวให้เป็นแบบอย่างตาม
|
|
|
|
●♫•Kαnαмe Äi•♫●
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #28 เมื่อ: 25-01-2010, 16:03:50 » |
|
|
|
|
|
เซงมาก,,
|
|
Re: กษัตริย์ยอดกตัญญู (1เหตุผลว่าทำไม เราจึงรักในหลวง)
« ตอบ #29 เมื่อ: 25-01-2010, 16:11:57 » |
|
ยิ่งอ่านยิ่งประทับใจ และภูมิใจที่ตัวเองเกิดให้ผืนแผ่นดินไทย
|
~ ต่อจากนั้นชั้นก้อล้มทั้งยืน ไม่มีเหลือเรี่ยวแรงที่จะเดิน ~
|
|
|
|