ผมก็สงสัย เหมือนกัน เรื่องทำงานผ่านเน็ต เเต่มีรายได้ มากกว่า จบปริญญา
เงินที่ได้มา ใครเป็นคนจ่าย ??
ธุรกิจ ออนไลน์ผ่านเนต ถ้าทำเเล้วได้เงินเยอะจริง ผมยังไม่เห็นใครที่เป็นเศรษฐี จากอาชีพนี้เลย
เราจะเเน่ใจได้ไง ว่าไม่โดนหลอก
ขออภัยที่ คำถามผมเยอะไปหน่อย เเต่สงสัยมานานเหมือนกัน อยากได้ผู้รู้มาตอบ
ครับผบ คำตอบของคำถามคุณ อยู่ในเวบไซต์ผมหมดแล้วครับ และคำตอบเดิมของผมคือ ลองดูให้จบก่อนนะครับ สงสัยแล้วค่อยถาม ผมยินดีจะตอบทุกคำถามที่ไม่มีคำตอบอยู่ในเวบนะครับ (บริษัทก็เป็นคนจ่ายเงินสิครับ ไม่ใช่ผม คำถามนี้ผมตอบไปในเรบบนแล้วนะครับ)
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทุกคนล้วนมีตัวอย่างอันนึงที่เหมือนกันคือ "เริ่มทำ ให้บางสิ่งเกิดขึ้น" (เป็นผู้นำ)
ส่วนคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทุกคนก็ล้วนมีตัวอย่างอันนึงที่เหมือนกันคือ "รอดู ให้บางสิ่งเกิดขึ้น" (เป็นผู้ตาม)
ทีนี้ถึงตาผมขออนุญาต ถามคุณกลับบ้าง "คนที่จบปริญญาที่คุณกล่าวมา เค้า
ทำงานประเภทไหน เงินเดือนถึงได้น้อยอย่างนั้นน่ะ?" ขอโทษด้วยนะครับ ผมมิได้มีเจตนาจะดูถูกอาชีพการงานใด แต่ระหว่างเงินเดือนของคนจบปริญญาตรี 8พันถึงหมื่นเศษๆ กับ เงินเดือนจากธุรกิจเครือข่ายที่ไม่ต้องจบปริญญาใดๆ ก็สามารถสร้างเงินหลักล้านได้ในเวลาไม่กี่ปี คุณว่าอันไหนคุ้มค่าความเหนื่อยของคุณมากกว่ากันล่ะครับ?
2ประเภท ที่ไม่รวย1.
ลูกจ้าง: คืองานที่ต้อง ตอกบัตรเข้างาน8โมงเช้า เลิก5โมงเย็น ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ (ไม่รวมโอที) จะมีเวลาว่างก็แค่ เสาร์-อาทิตย์ หากคุณไม่มีแฟน หรือยังไม่แต่งงานมีครอบครัว คุณก็ควรต้องสละ1วัน ในเสาร์-อาทิตย์นี้ ให้แก่ครอบครัว(พ่อและแม่) และเก็บอีก1วัน เอาไว้พักผ่อน นอนตายซาก ให้เต็มที่ เพื่อเอาแรงไว้ทำงานใหม่ในวันจันทร์รุ่งขึ้น และชีวิตคุณจะซ้ำซากแบบนี้ นับตั้งแต่จบปริญญา ไปจนถึงอายุ60 (ถ้าไม่ตกงานเสียก่อน) แล้วหลังอายุ60ไปล่ะ? มันใจมากมั้ยว่าจะ มีเงินเก็บมากพอจะเลี้ยงครอบครัวให้อยู่อย่างสุขสบาย หรือสามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้?
รุ่นพี่ของรุ่นพี่ของผม ตอนจบปริญญาใหม่ๆ กว่า50%ยังตกงานอยู่ และเพราะมหาวิทยาลัย ผลิตเด็กจบใหม่ ออกมาทุกๆปี จึงทำให้รุ่นพี่ของผมที่จบตามกันมาในปีภัดมา ต้องมาแย่งงานกับรุ่นพี่ที่ก็กำลังรองานทำอยู่ตั้งกว่าครึ่ง แล้วถัดมา ก็รุ่นผม
บางคนถึงกับบ่นว่าไม่เปิดโอกาสให้น้องๆจบใหม่ได้แสดงฝีมือ บ้านเมืองถึงยังหัวโบราณไม่ก้าวไปไหนอย่างนี้ แต่ขอโทษเถอะครับ คุณลองคิดในมุมกลับกันดู ว่าถ้าวันนี้คุณได้กลายมาเป็นผู้จัดการหรือผู้บริหาร ที่มีได้เพียงแค่ตำแหน่งละ1คน คุณจะยอมสละเก้าอี้ตำแหน่งของคุณ เพื่อเปิดโอกาสให้ เด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์ มาแสดงฝีมือแย่งตำแหน่งคุณ รึเปล่าครับ? ที่บ้านเมืองเราไม่ก้าวหน้า ไม่ใช่เพราะนักการเมืองเป็นส่วนใหญ่หรอกครับ แต่เป็นคนกลุ่มนี้ ในระบบนี้ตะหาก
ดูสิ อุตส่าห์ลงทุนค่าเทอม เสียเวลาเรียน มาไม่ต่ำกว่า19ปี หรือเกือบเศษหนึ่งส่วนสี่ของชีวิต (อนุบาล3ปี ประถม6ปี มัธยม6ปี มหาลัยฯ4ปี หรือมากกว่า)
มันคุ้มกันมั้ยครับ?
จบปริญญาตรี แล้วไงอ่ะครับ? ผมก็จบปริญญาตรีมา2ใบ ที่ไทย1ใบ ที่อังกฤษ1ใบ ยังไม่เห็นต้องเป็นลูกจ้าง ก็ได้เงินเยอะกว่าคนที่เป็นลูกจ้างได้เลย
จบปริญญาตรีใหม่
ส่วนมาก เงินเดือนช่วงก่อนพ้นโปร จะอยู่ราวๆไม่เกิน8,000บาท เมื่อพ้นโปรแล้ว(หากได้รับการว่าจ้าง) จะอยู่ราวๆไม่เกิน10,000-12,000บาท และอาจจะได้ขึ้นเงินเดือนทุกๆ1หรือ2ปี เพียงไม่เกิน5% เท่านั้น (และถ้าคุณต้องขับรถไปกลับที่ทำงานทุกวัน ก็หักค่าน้ำมันทิ้งไปราวๆ5,000บาท ได้เลยครับ เงินเก็บคุณจะเหลือเพียงเท่าไหร่เอง?)
ผมจะเทียบให้ดูแบบนี้ละกัน....
ทำงาน 1ปี ได้เงิน 120,000บาท
ทำงาน 10ปี ได้เงิน 1,200,000บาท (ยังไม่พอถอยรถป้ายแดงเลย แล้วจะซื้อบ้านไหวหรอ?)
ทำงาน 100ปี ได้เงิน 12,000,000บาท (จะมีพอส่งลูกเรียน, เลี้ยงพ่อแม่ยามแก่, รักษายามเจ็บป่วยมั้ย? ว่าแต่อยู่ถึงเหรอ 100ปีเนี่ย?)
คนกลุ่มนี้ ขาดอิสรภาพ เรื่อง เงิน, เวลา, และ ความมั่นคง
2.
กิจการส่วนตัว: งานที่เราจะต้องให้เวลาอยู่กับมันตลอดเวลา แทบจะฝากใครดูแลแทนไม่ได้ อย่างเช่น เจ้าของร้านโชห่วย, เจ้าของร้านขายบะมี่, ฯลฯ ซึ่งคนกลุ่มนี้ ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาใดๆมา ก็สามารถเริ่มทำอาชีพเหล่านี้ได้ หรือบางที อาจเป็นกิจการครอบครัว ที่พ่อแม่สร้างเอาไว้แล้ว ให้ลูกมาสานกิจการต่อ
สมมุติว่า ร้านโชห่วย(หรือร้านขายของชำสะดวกซื้อ) ที่พ่อแม่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำเหงื่อน้ำตา เกิดวันดีคืนดี มีโลตัส-คาร์ฟูร์ (หรือเซเว่น) มาเปิดอยู่ข้างๆ คิดว่าต่อให้คนที่เป็นลูกค้าประจำมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ จะไม่นอกใจไปเข้าห้างที่สะดวกและครบวงจรกว่า หรอกรึครับ? สุดท้ายร้านโชห่วยที่พ่อแม่สร้างขึ้นมา แม้เราจะดันทุรังรั้งเอาไว้ ก็มีอันต้องเจ๊งไปตามกาลเวลาอยู่ดี
อีกตัวอย่างนึงที่น่าเก็บมาคิด คือ บ่อยครั้งที่ผมมักจะเห็นเด็กนักเรียน-นักศึกษา ช่วยพ่อแม่ขายข้าวขายบะหมี่หลังเลิกเรียน พวกเค้าเคยสงสัยบ้างมั้ยว่า พวกเค้าจะเรียนเอาปริญญาไปเพื่ออะไร? คนเค้ามีแต่เรียนจบจะได้มีงานดีๆทำ แต่พวกเค้าก็มีงานดีๆทำกันตั้งแต่วัยเรียนอยู่แล้วนี่? แล้วพวกคุณเคยสงสัยกันมั้ยครับว่า พวกเค้าเรียนจบมาจะไปทำอะไร ถ้าวันนึงพ่อแม่แก่ลงมากจนทำงานไม่ไหว พวกลูกๆก็ต้องมาสานต่อกิจการ สานต่อสิ่งที่พ่อแม่ได้ริเริ่มไว้ มิให้สูญหายไปกับกาลเวลา แล้วก็เป็นแบบนี้ต่อไปยังรุ่นหลาน ผมเคยไปสอบถามพวกเค้าดู เงินรายได้ในแต่ละวันที่พวกเค้าทำงาน เฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ
3,500บาท ต่อวัน (มากกว่าคนจบปริญญาตรีที่ทำงานประจำ เสียอีก) เดือนนึงก็คงได้ราวๆ 105,000บาท ต่อเดือน (ก็ไม่เห็นต้องมีปริญญาซักกะใบในการทำบะหมี่ขายเลย)
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของกลุ่มนี้ คือ "
ต้องทำไปเรื่อยๆจากรุ่นสู่รุ่น ไม่สามารถทำให้เสร็จทีเดียว แล้วหยุดได้ โดยที่รายได้จะไม่หยุด" ต่อให้วันนั้นคุณจะป่วยไม่สบาย หรือวันนั้นมีเดินขบวนปิดถนนประท้วง คุณจะยอมเสียรายได้วันละ3,500บาทที่จะได้เหนาะๆเน็ดๆ เชียวรึครับ?
คนกลุ่มนี้ ขาดอิสรภาพเรื่อง เวลา และ ความมั่นคง
2ประเภท ที่รวย3.
เจ้าของธุรกิจ: คือ การสร้างระบบที่แข็งแรงอันนึงขึ้นมาให้เสร็จ แล้วให้ระบบนั้น ทำงานแทนคุณ โดยที่คุณอยู่นอกระบบนั้น ซึ่งงานกลุ่มนี้จะมีคอนเซปต์หลักอยู่ที่ว่า "
ทำเสร็จแล้ว หยุดทำได้ แต่รายได้ไม่หยุด และความสำเร็จนี้สามารถส่งต่อเป็นมรดกได้" ได้แก่
ธุรกิจเครือข่าย, หรือธุรกิจที่ขยายสาขาเป็นจำนวนมาก โดยที่ตนเป็นเจ้าของเครือข่ายนั้น เช่น CP, เซเว่น
สมมุติว่า คุณคือเจ้าของเซเว่น และได้ขยายสาขาครอบคลุมไปทั่วประเทศ แล้ววันนี้คุณอยากไปเที่ยวต่างประเทศซัก3ปี กลับมา เซเว่นก็ยังทำงานให้คุณดีเหมือนเดิม ไม่เจ๊ง มีเงินเข้ากระเป๋าคุณทุกเดือนตลอด3ปีที่ผ่านมา
จุดเด่นของธุรกิจเครือข่ายที่ดี คือ
- ลงทุนต่ำ
- ความเสี่ยงต่ำ จนถึงไร้ความเสี่ยงเลย
- สินค้าดี มีกลุ่มที่กว้างขวาง ตั้งแต่ปัจจุบัน-อนาคต
- ให้รายได้แบบ Passive Income
- แผนธุรกิจยุติธรรม
- จดทะเบียนต่อกระทรวงหอการค้า อย่างถูกต้อง
ระบบธุรกิจเครือข่ายได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว (วอร์เร็น บัฟเฟต นักลงทุนระดับโลก ยังพูดเองเลยว่า ธุรกิจที่ดีที่สุดที่เค้าเคยลงทุนมา มีอยู่2ตัว และทั้ง2ตัวนั้น คือ ธุรกิจเครือข่าย)
4.
นักลงทุน: คนกลุ่มนี้ ใช้เงินทำงานให้ตน ได้แก่ กลุ่มนายทุน, เล่นหุ้น, อสังหาริมทรัพย์, ฯลฯ ซึ่งเพื่อให้เห็นผลที่เด่นชัด จำเป็นต้องมีเงินลงทุนจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่าหลักแสน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้ ฉะนั้นเลิกพูดเรื่องกลุ่มนี้ไปได้เลย เพราะเป็นกลุ่มที่ คนมีเงินมากพอเท่านั้น ที่อยู่รอดได้
วันนี้ไม่ว่าธุรกิจเครือข่ายนี้ จะมีคุณหรือไม่ ยังไงธุรกิจนี้ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้วครับ คุณสามารถที่จะนั่งรอดูมันเติบโตไปเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ได้อะไรจากมันเลย ก็ได้ ฉะนั้นจะดีกว่ามั้ย หากคุณเลือกที่จะเติบโตไปพร้อมๆกับธุรกิจนี้ และได้ส่วนแบ่งทางการตลาด ที่แชร์เค้กก้อนนี้ร่วมกัน?
การตัดสินใจ เป็นของคุณ เพราะอนาคตของคุณ คุณเท่านั้นที่กำหนด
ราตรีสวัสดิ์ครับ