คำว่า บุพการี (บุบ-พะ-กา-รี) เป็นคำภาษาบาลี ที่เกิดจากคำว่า ปุพฺพ แปลว่า ก่อน กับคำว่า การี แปลว่า ผู้กระทำ. บุพการี แปลว่า ผู้กระทำก่อน หมายถึง บิดามารดา ซึ่งเป็นผู้กระทำการอุปการะบุตรก่อน คือ ตั้งแต่เริ่มมีชีวิตอยู่ในครรภ์ และเลี้ยงดูให้การศึกษาอบรมด้วยความรักโดยมิได้หวังว่าจะได้รับสิ่งใดตอบแทน นับได้ว่า ท่านกระทำคุณแก่บุตรอย่างยิ่งยวด จึงเป็นหน้าที่ของบุตรธิดาทุกคนที่จะตอบแทนบุญคุณของบุพการี ด้วยการเคารพ เชื่อฟัง ประพฤติตนเป็นคนดี ไม่ทำให้ท่านเสียใจ ปรนนิบัติรับใช้ท่านอย่างเต็มใจ และเลี้ยงดูท่านเมื่อท่านแก่ชรา เป็นต้น
ความหมายของคำว่า บุพการี คือ บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย และทวด
“ความกตัญญู” นั้น หมายถึง การรู้พระคุณท่านที่เคยมีอุปการะคุณ หรือที่เคยมีบุญคุณต่อเราก่อน แล้วตอบแทนหรือสนองพระคุณท่านผู้มีอุปการคุณนั้น
ผู้เคยให้ความอุปการะหรือมีบุญคุณนั้น ภาษาพระท่านเรียกว่า “บุพการี” ภาษาพูดโดยทั่วไปว่า “ผู้มีพระคุณ” ผู้รู้จักคุณท่านผู้มีอุปการะคุณ แล้วตอบแทนคุณท่านผู้มีพระคุณนั้น ชื่อว่า “กตัญญูกตเวที” มีคำเพิ่มขึ้นมาอีกคำหนึ่ง คือ “กตเวที” หมายความว่า “ผู้กระทำตอบแทนหรือทดแทน” เมื่อรวมสองคำนี้เข้าด้วยกัน คือ “กตัญญู” กับ “กตเวที” จึงเป็น “กตัญญูกตเวที” ซึ่งมีความหมายรวมว่า “ผู้รู้คุณและตอบแทนคุณท่านผู้มีอุปการะคุณ”
ใคร่จะชี้แจงซักนิดว่า ตามที่เคยได้ยินคำกล่าวว่า “บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ” นั้น คำแรกว่า “บุญคุณต้องทดแทน” นั้นจัดเป็นข้อปฏิบัติที่เป็นอุดมมงคล เป็นเครื่องหมายของคนดี มีคุณธรรมตามพระสัทธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี้ ซึ่งจะให้ผลเป็นความเจริญและสันติสุขแก่ชีวิตแต่ถ่ายเดียว แต่คำที่ ๒ ว่า “ความแค้นต้องชำระ” นั้นเป็นข้อปฏิบัติที่ไม่ดี เป็นความอัปมงคล เป็นเครื่องหมายของคนพาล ปัญญาโฉดเขลา คือ คนโง่ จัดเป็นอธรรมที่มีแต่จะยังผลให้ผู้ปฏิบัติถึงความทุกข์เดือดร้อน ต่อๆ ไปไม่มีที่สิ้นสุด ตามอำนาจของกิเลส คือความโกรธ พยาบาท อาฆาต จองเวร เหมือนบุคคลบางคน บางพวกในยุคปัจจุบันนี้ ที่ลุแก่อำนาจความโกรธ พยาบาท อาฆาต จองเวร ตามพิฆาตเข่นฆ่ากัน ก่อให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนแก่กันและกัน ไม่มีที่สิ้นสุด ดังที่มีข่าวได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ ในทุกวันนี้
คุณธรรมข้อ“กตัญญูกตเวทิตาธรรม”คือการรู้คุณและตอบแทนคุณท่านผู้มีอุปการคุณ นี้จึงเป็นคุณธรรมหรือข้อปฏิบัติที่คู่กับบุญคุณหรืออุปการคุณที่ท่านได้ทำอุปการคุณให้แล้วก่อน ไม่ว่าท่านผู้กระทำอุปการคุณนั้น จะมีความประพฤติปฏิบัติอื่นที่ดีหรือไม่เพียงไรก็ตาม ก็ชื่อว่า “บุพการี” ของผู้ได้รับอุปการคุณนั้น ที่ผู้เคยได้รับอุปการคุณนั้นพึงรู้คุณ พึงระลึกถึงและตอบแทนพระคุณท่านผู้มีอุปการคุณนั้น ตามกำลังและโอกาสจะอำนวยให้ ก็จะเป็นอุดมมงคลแก่ผู้ทรงกตัญญูกตเวทิตา-ธรรม นี้ให้ถึงความเจริญและสันติสุขในชีวิตได้เสมอ ดังเช่น
พ่อแม่ เป็น บุพการี คือ ผู้มีพระคุณอย่างยิ่งใหญ่ของลูกๆ ด้วยว่า ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด ทนุถนอมกล่อมเลี้ยงลูกด้วยความรัก ด้วยเมตตาและกรุณาธรรม มีแต่ความปรารถนาจะให้ลูกรักมีความสุขและความเจริญ ลูกมีทุกข์ก็ปรารถนาจะให้ลูกพ้นทุกข์ แม้ความทุกข์เดือดร้อนของลูกนั้น มาตรว่าพ่อแม่จะรับหรือไถ่เอามาไว้ที่ตัวเองได้ พ่อแม่ก็จะทำเพื่อลูก เมื่อลูกมีความสุขความเจริญก็ไม่คิดเบียดเบียนแย่งความสุขของลูกมาไว้เฉพาะเพื่อตน คอยเป็นนายประกันให้ลูกเมื่อลูกผิดพลาดล่วงเกิน แม้จะเจ็บใจ ช้ำใจ เพราะลูกชั่วช้าเพียงใด ก็มีแต่อภัยให้ลูก ตลอดมา พ่อแม่จึงชื่อว่าเป็น “พรหม” คือ ผู้ประเสริฐของลูก
พ่อแม่นั้นเป็นผู้ให้คำแนะนำสั่งสอนลูกด้วยเจตนาที่จะให้ลูกได้รู้วิธีการดำเนินชีวิตที่ดี ตามภูมิปัญญาของท่าน มาตั้งแต่ลูกเริ่มเกิดมาจนเติบใหญ่ ไม่มีเจตนาที่จะแนะนำสั่งสอนให้ลูกประพฤติปฏิบัติไปในทางที่จะเป็นโทษ หรือความทุกข์เดือดร้อน พ่อแม่จึงชื่อว่าเป็น “บุรพเทพ” ของลูก คือเป็นผู้ชี้แสดงโลกนี้ คือการดำเนินชีวิตแก่ลูกก่อนใครๆ ทั้งนั้น และด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ของพ่อแม่เช่นนั้น พ่อแม่จึงเป็นเสมือนวิสุทธิเทพ คือ เสมือนพระอรหันตขีณาสพ ผู้หวังแต่ความสุขความเจริญของชนทั้งหลาย โดยไม่คำนึงถึงความเป็นพาล คือกระทำผิด หรือการล่วงละเมิดต่อท่าน ฉันใด พ่อแม่ก็ปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขของลูกโดยส่วนเดียว โดยไม่คำนึงถึงความผิดหรือความละเมิดล่วงเกินที่ลูกกระทำต่อพ่อแม่ ฉันนั้น เพราะเหตุนั้น พ่อแม่จึงเป็น “อาหุไนย หรือ ทักขิไนยบุคคล” คือ เป็นบุคคลที่ควรแก่การรับทักษิณา บูชาสักการะ กระทำความกตัญญูกตเวทิตาธรรม คือ รู้คุณและตอบแทนคุณของท่าน แล้วลูกกตัญญูเช่นนั้นก็จะมีแต่ความสุขความเจริญแต่ถ่ายเดียว ส่วนลูกอกตัญญูไม่รู้คุณพ่อแม่ ไม่ตอบแทนคุณพ่อแม่ตามควรแก่กำลังและโอกาส กลับมีจิตคิดร้าย กล่าวร้าย กระทำร้ายพ่อแม่ ย่อมจะถึงความเสื่อมแห่งชีวิต ถึงความทุกข์เดือดร้อน และ/หรือ ถึงความพินาศฉิบหายไม่นานเกินรอ ตามความหนักเบาแห่งความชั่วของตน
ลูกชายลูกหญิง เมื่อรู้และระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่แล้ว พึงปฏิบัติดีตอบแทนพระคุณท่าน
***********************
มาช่วยกันตั้งชื่อหน่อย
เอาเวลสัก 60
อยู่แมพ หิหารท้าวจตุรกร
เลือด 500000
เวท 10000
ธาตุ ดิน
เวทย์ที่ใช้ได้ พสุธากำปนาท ย้ายธรณี (ไว้ไปคิดก่อนว่าจะโจมตีในรูปแบบไหน)
พลังโจมตี 1000-3500
โจมตีเวท 1500-5000
พลังป้องกัน 250+0
พลังป้องกันเวท 100+65
หลบหลีก 450
แม่นยำ 500
นึกไม่ออกละ-*-
หน้าตาเหมือน_ม่คนตั้ง
พูดเหมือนคุณมีนเคยเห็นมาก่อน หรือบุพการีของก็มีหน้าตาคล้ายกับรูปเหมือนกัน ?
ขอโทษทีครับ ไม่ได้อยากดูหมิ่นบุพการีใคร บิดามารดาใคร ใครก็รัก หากคุณมีนมีความขัดเเย้งจากทางบ้านหรือปัญหาครอบครัวร้าวฉาน หย่าร้าง หรือบุพการีล่วงลับ ก็ไม่ควรไปว่าคนอื่นตามปมด้อยของตัวเองนะครับ
ขอโทษถ้าดูหมิ่นบุพการีใคร ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ