poom40234
Asura Tester
Sr. Member
กระทู้: 1,995
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #315 เมื่อ: 13-06-2008, 01:13:31 » |
|
ต่อนะมันยาวเกิน
เราเคยได้ยินประโยคที่ว่า...
"มนุษย์เป็น สิ่งมีชีวิต <<[ไม พิม สั ต ว์ ไม่ได้หว่า = =]สังคม" มานานแล้ว และสังคมที่ว่านี้ ฉันขอรวมไปถึง "สังคมทางความรู้สึก" ด้วย
คนเราคบหากันด้วยมิตรภาพ และคนส่วนใหญ่สามารถกระทำทุกอย่างได้เพื่อ "ความรัก"
...................................
แต่ถ้าหากความรักที่ครอบครองอยู่นั้น ไม่จีรังอย่างที่คาดหวัง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
ในเมื่อคนทุกคน ย่อมต้องผ่านการทดสอบ แม้จะด้วยรูปแบบที่แตกต่างหรือวิถีทางที่ไม่เหมือนกัน
แต่ฉันก็เชื่อว่า ความรักมันตั้งอยู่บนแกนอันเดียวกัน การผิดหวังในความรักไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ ใครๆ ก็เคยถูกทดสอบด้วยวิธีนี้กันทั้งนั้น
บางคนอาจแลกค่าทดสอบมาด้วยน้ำตา บางคนอาจได้รับแบบทดสอบ ชนิดที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต
แต่เมื่อทุกคนก้าวผ่านช่วงนรกนี้ไปได้ เมื่อนั้น... ความเข้มแข็งจะงอกเงยขึ้น..ในใจของทุกคน
....................................
"เพราะจะมีแต่คนที่ผ่านความผิดหวังมาแล้วเท่านั้น... ที่จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของ การประสบความสำเร็จในความรัก"...
ป.ล อ่านเเล้ว รู้สึกดี อ่ะ
|
|
|
|
JF
Jr. Member
กระทู้: 404
Robert Thomas-Pattinson
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #316 เมื่อ: 13-06-2008, 02:13:24 » |
|
|
"หากสรรพสิ่งสิ้นสูญ และเขายังอยู่ ฉันควรจะดำเนินชีวิตสืบไป แต่ถ้าสิ่งอื่นยังคงเหลือ และเขาเลือนลับดับหาย จักรวาลจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า"
. ..ข้าไม่อาจดำเนินต่อไปหากไร้ชีวิต ไม่อาจมีชีวิตสืบไปหากไร้วิญญาณ...
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #317 เมื่อ: 13-06-2008, 04:43:10 » |
|
มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว
มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่
เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม? ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้
คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้
คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน
แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก
แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมืองโดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม
เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม
เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการ ใช้งาน และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ
ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น
นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้
เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก บางครั้งเราอาจลืมไปว่า การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป
ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ
|
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #318 เมื่อ: 13-06-2008, 04:46:47 » |
|
มีคู่รักคู่หนึ่งนั่งรถเมล์ที่กำลังตรงไปในเมืองในหุบเขา มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ลงกลางทาง หลังจากที่พวกเขาได้ลงแล้ว รถเมล์ก็วิ่งต่อไป แต่เพียงไม่นานก็มีหินก่อนขนาดมหึมาได้ตกลงมาจากที่สูงมาก
และทับรถเมล์คันนั้นพังยับเยิน ทุกคนที่อยู่ในรถในเวลานั้น เสียชีวิตทั้งหมด คู่รักคู่นั้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พูดขึ้นว่า"ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดีน่ะซิ!" คนส่วนใหญ่น่าจะคิดว่า "ยังดีนะที่เราลงจากรถก่อน!" แต่คู่รักคู่นี้กลับพูดสิ่งที่ต่างจากคนส่วนใหญ่ คุณคิดว่าเพราะอะไร??? ตอบมาก่อนนะว่าคิดว่าไง เดี๋ยวจะมาเฉลยทีหลัง v v v v v v v v v
ถ้าพวกเขายังคงอยู่และไม่ได้ลงจากรถ รถเมล์คันดังกล่าวก็จะไม่ต้องหยุดรถเพื่อพวกเขา และจะขับเลยตำแหน่งที่หินถล่มลงมา!!
ในชีวิตของพวกเรานั้น ให้ลองมองด้วยมุมมองที่ต่างจากของตัวเองและพยายามเข้าใจและช่วยเหลือผู้ อื่นมากขึ้น อย่าได้ใช้ชีวิตอย่างขาดสติและเฉยเมย ทำเพื่อตัวเองอีกต่อไปเลย
|
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #319 เมื่อ: 13-06-2008, 04:49:44 » |
|
นิทานเรื่องนี้เล่าต่อกันมานานแล้ว :
เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา เป็นกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว
เศรษฐีบอกชาวนาว่า "ท่านเป็นหนี้ข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ ข้าจะยกหนีสินให้ทั้งหมด"
ชาวนาไม่ตกลง
เศรษฐีบอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า และแน่นอนข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย"
ชาวนาตกลง
เศรษฐีหยิบกรวดสองก้นใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่า กรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ
เธอจะทำอย่างไร?
หากเธอไม่เปิดเผยความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง หากเธอเปิดเผยความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็ยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน
ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน
พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและสีขาวของสวนกรวด
เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า "ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น แต่ไม่เป็นไรในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้ ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่ากรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร"
ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ
"...ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว"
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้ และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น
เราส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้มองปัญหาแบบขาวกับดำ
แต่ไม่ใช่ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้อย่างขาวกับดำเสมอไป
ในทางตรงกันข้าม หากเราลองมองต่างมุม จะพบหนทางการแก้ปัญหามีมากกว่าหนึ่งสายเสมอ และการยืดหยุ่นพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เป็นวิธีการหนึ่ง
โลกไม่มีสีขาวกับดำ
|
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #320 เมื่อ: 13-06-2008, 04:57:26 » |
|
กาลครั้งหนึ่ง เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่ง ทั้งคู่จึงกำหนดเส้นทางแข่งและเริ่มการแข่งขัน
เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้ซักกะแป๊บนึงก่อนแข่งต่อก็คงดี
ไป ๆ มา ๆ ก็ง่วงสิ ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้าๆ แต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้ (เหมือนกัน) นี่เป็นเวอร์ชั่นเดะ ๆ ที่เราคุ้นหูกัน ไม่นานมานี้มีคนเล่าเวอร์ชั่นใหม่ที่น่าสนใจให้ฟัง เจ้ากระต่ายสันหลังยาวก็รมบ่จอยตามระเบียบที่แพ้ มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตนเองมันก็พบว่าความมั่นใจในตนเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจของมันนั่นแหละที่ทำให้แพ้ ถ้ามันไม่เผลอหลับซะอย่าง เต่าหน้าไหนจะเอาชนะมันได้ มันจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้ง และเต่าก็ยินยอม แน่นอนว่าครั้งนี้ เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอย เราได้ข้อคิดอะไรล่ะ. ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้เร็วและสม่ำเสมอ ถ้าเราเปรียบเทียบคนทั้งสองคนในองค์กรของเรา คนนึงช้าจริง ทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผน แต่ทำอะไร ๆ ไม่เคยพลาด ไว้ใจได้แน่นอนในผลงานของเขา เทียบกับอีกคนนึงที่เร็วและก็พอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำ คนที่เร็วกว่ามักจะประสบความสำเร็จมีความเจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้น ๆ มากกว่า [คุณ]ช้าแต่ชัวร์น่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่ให้เร็วและเชื่อถือได้นี่ดีกว่า เรื่องยังไม่จบแค่นี้... คราวนี้ถึงตาเจ้าเต่ามาหาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และมันก็พบว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะชนะเจ้ากระต่ายในเส้นทางการวิ่งแบบที่เป็นอยู่นี้ มันก็คิดอยู่ซักครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่งใหม่ แต่ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่งซะหน่อย เจ้ากระต่ายก็ว่าย่อมได้อยู่แล้วเพ่ พอการเริ่มแข่งเริ่มปุ๊บ เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้อออกไปเต็มสปีดเลย
|
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #321 เมื่อ: 13-06-2008, 04:59:49 » |
|
จนกระทั่งไปถึงระหว่างทาง “เฮ้ย!!!.. เวรกรรม ต้องข้ามแม่น้ำ ทำไงล่ะคราวนี้…) เส้นชัยอยู่ไม่ไกล จากฝั่งตรงข้ามเท่าไหร่เลย เจ้ากระต่ายมัวแต่งงว่าจะทำไงดี จนเจ้าเต่าคืบคลานมาทันแล้วก็จ๋อมลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้าเส้นชัย นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดีแล้วพยายามเปลี่ยนสนามการแข่งขันให้ตนเองได้เปรียบมากที่สุด ยัง… ยังเร็วไปที่จะจบเพียงแค่นี้ ยังมีต่อ... ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ต่างคนต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกันการแข่งแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น ดังนั้นพวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์ค เริ่มต้นด้วยเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำ เจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน ผลการแข่งขันครั้งนี้สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่าย มากกว่าการแข่งขันครั้งก่อน ๆ หน้านี้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น ยังไงก็ไปไม่รอด เพราะมันจะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋งคนอื่นเจ๊งในขณะที่บางสถานการณ์เราเจ๊งแต่คนอื่นเจ๋ง ทีมเวิร์คสำคัญตรงที่การกำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์ให้ผู้ที่มีความถนัดกับสถานการณ์นั้น ๆ เป็นผู้นำกลุ่มในแต่ละช่วงสถานการณ์ที่เหมาะกับความสามารถของเขา
นอกจากนี้เรายังได้บทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า ไม่ว่าเต่าหรือกระต่าย ไม่มีใครที่คิดเลิกล้มหรือท้อแท้หลังจากความล้มเหลวได้เกิดขึ้น กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองโดยการทำงานที่หนักขึ้นและเพิ่มความมุมานะในงานของตนเองหลังจากพบความล้มเหลว ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนใหม่ เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้วในชีวิต เมื่อเราพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว บางครั้งเราก็ควรจะทำงานให้หนักขึ้นและมีความเอาใจใส่ในงานมากกว่าเดิม บางครั้งเราก็ควรเปลี่ยนแผนการทำงานและทดลองในสิ่งใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไปและในบางครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างเลย นอกจากนั้น กระต่ายกับเต่าก็ได้บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างคือ เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคลแล้วหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้น โดยสรุป เรื่องราวของกระต่ายกับเต่าสอนเราในหลาย ๆ อย่าง ความรวดเร็วเสมอต้นเสมอปลายชนะความอืดอาด การดึงศักยภาพในตัวของเราออกมาและทำงานร่วมกันเป็นทีมย่อมดีกว่าการทำงานคนเดียว อย่ายอมแพ้เมื่อพบกับความล้มเหลว และสุดท้ายคือจงแข่งกับสถานการณ์ ไม่ใช่กับตัวบุคคล
|
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #322 เมื่อ: 13-06-2008, 05:04:06 » |
|
กาลครั้งหนึ่ง......."ไฟ" , "น้ำ" และ "ความไว้วางใจ".......ได้เดินเล่นกันอยู่ในป่า และคุยกันถึงว่า หากต้องพลัดหลงกันแล้ว....จะตามหากันเจอได้อย่างไร?.....
ไฟ บอกว่า “ให้มองหาควัน เพราะว่าควันอยู่ที่ไหนผมก็อยู่ที่นั่น” ส่วนน้ำ ก็บอกว่า “ให้มองหาหญ้าเขียว ๆ และดอกไม้ ผมอยู่ตรงนั้นแหละ” ความไว้วางใจ ... ยิ้มเป็นนัย ๆ ก่อนจะพูดว่า “สำหรับผม พวกคุณต้องไม่ทำให้ผมหลงทาง เพราะถ้าผมหายไปแล้ว..... พวกคุณจะไม่มีวันได้ตัวผมกลับมาอีกเลย”
|
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #323 เมื่อ: 13-06-2008, 05:09:54 » |
|
หนูตัวหนึ่งแอบมองลอดรอยแตกของกำแพง เพื่อดูว่าชาวนากับภรรยาของเขาแกะห่ออะไร “จะเป็นอาหารอะไรหนอ” เจ้าหนูสงสัย มันแทบล้มทั้งยืน เมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคือ ‘กับดักหนู’ มันจึงวิ่งหัวซุกหัวซุนไปที่ทุ่งนา แล้วส่งเสียงร้องเตือน “มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! “
แม่ไก่ร้องกุ๊กๆ และคุ้ยเขี่ยไปมา มันผงกหัวขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนู นี่คงเป็นเรื่องเศร้าสำหรับเธอ แต่มันไม่มีผลอะไรกับฉันหรอกนะ อย่ากวนใจกันเลย”
เจ้าหนูวิ่งไปหาหมูและบอกแก่มัน “ มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! “ หมูเห็นอกเห็นใจ แต่ก็พูดว่า “ ฉันขอโทษนะคุณหนู แต่ฉันคงทำได้แค่สวดมนต์เท่านั้น ไม่ต้องห่วงฉันจะสวดมนต์ให้เธอด้วย” เจ้าหนูวิ่งไปหาวัว และพูดว่า“ มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! “
วัวตอบว่า “ โธ่! คุณหนู ฉันก็เสียใจด้วยนะ แต่มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันนี่” ดังนั้น เจ้าหนูจึงกลับเข้าบ้าน นอนลงและเศร้าใจเหลือเกินที่จะต้องเผชิญหน้ากับกับดักหนูเพียงลำพัง
กลางดึกคืนนั้น เสียงๆ หนึ่งดังก้องไปทั้งบ้าน –ฟังเหมือนเสียงกับดักหนูได้จับเหยื่อของมันแล้ว
ภรรยาของชาวนารีบรุดไปดูว่าอะไรที่ถูกจับ ในความมืดนั้นเธอไม่เห็นว่ามีงูพิษถูกกับดักนั้นหนีบหางเอาไว้
งูกัดภรรยาของชาวนา ชาวนาจึงรีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ตอนกลับบ้านเธอมีไข้สูง ใครๆ ก็รู้ว่าเราต้องพยาบาลคนป่วยด้วยซุปไก่ ดังนั้นชาวนาจึงหยิบขวานเดินไปที่ทุ่งเพื่อทำหาวัตถุดิบหลักของซุป แต่อาการป่วยของภรรยาก็ยังไม่ดีขึ้น เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านต่างมาเยี่ยมดูใจ เพื่อเลี้ยงอาหารพวกเขา ชาวนาจึงฆ่าหมูซะ
ภรรยาของชาวนาก็ยังไม่หาย ในที่สุดเธอก็ตายลง ผู้คนมากมายต่างมางานศพของเธอ
ชาวนาจึงฆ่าวัวเพื่อให้ได้เนื้อมากพอมาเลี้ยงแขก เจ้าหนูมองลอดรอยแตกของกำแพงด้วยความเสียใจสุดแสน
คราวหน้า หากคุณรู้ว่าใครสักคนกำลังเผชิญปัญหาและคิดว่าไม่เกี่ยวกับคุณสักหน่อย จำไว้นะว่า เมื่อพวกเราคนใดคนหนึ่งถูกคุกคาม เราทุกคนต่างตกอยู่ในอันตราย! เพราะทุกคนล้วนเกี่ยวพันกันอยู่ในการเดินทางที่เรียกว่า ‘ชีวิต’ เราต้องคอยเฝ้าดูแลกันและกัน และพยายามให้กำลังใจอีกคนเข้าไว้ จงบอกต่อข้อความนี้ให้แก่คนที่เคยช่วยคุณและบอกให้เขารู้ว่าเขาสำคัญต่อคุณขนาดไหน จำไว้เถอะ เราแต่ละคนก็คือด้ายเส้นสำคัญบนผืนพรมของผู้อื่น นั่นเป็นเหตุผลที่ชีวิตของเราถูกถักทอเข้าไว้ด้วยกันไงล่ะ
|
|
|
|
DeKcHoN2
Jr. Member
กระทู้: 185
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #324 เมื่อ: 13-06-2008, 05:31:44 » |
|
“แนนๆ แฮปปี้วาเลนไทน์นะ” ชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวภูมิฐานพูดห้วนๆพลางยืนกุหลาบแดงให้กับมือหญิงสาว
“อีตาบ๊อง อย่ามาทำหวานใส่ฉันหน่า” แนนพูดกวนๆพลางยิ้ม เอได้แต่ยืนม้วนด้วยความอาย
“อ้าว ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ ทำหวานให้เจ้าหญิงของตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป” เอพูดพลางยิ้ม ทำไมหนุ่มวัยรุ่นเวลาอายนี่ดูตลกดีแท้ ทั้งมือทั้งแขนแทบจะไม่มีที่เก็บ สงสัยถ้าแทรกแผ่นดินหนีได้คงหนีหายไปแล้ว
“หวานกับเค้าก็เป็นเหรอ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ” แนนพูดพลางยื่นมือไปหยิกจมูกเอด้วยความเขิน เอยังคงพยายามสำรวมอาการเขินอยู่
“เอรักแนนนะ” เอพูดพลางจับมือแนนขึ้นมาเขียนรูปหัวใจไว้ที่ฝ่ามือ ตอนนี้แนนเริ่มหน้าแดงขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตัวเอง
“เหรอ....เขียนคำว่ารักตรงนี้ ดูไม่ซึ้งเลย” แนนพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่เลิกแหย่เอ
“เดี๋ยวสักวัน เอจะเขียนไว้ตรงหัวใจแนนเลยนะ” เอพูดประหม่า มองหน้าแนนพลางเอื้อมมือดึงตัวแนนเข้ามาโอบกอดไว้แน่น....สักวัน เอจะเขียนคำว่ารักไว้ในหัวใจแนนเลย.....
ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีโต๊ะหินอ่อนวางเรียงรายเป็นแนว มีนักศึกษาจับกลุ่ม บ้างคุยกัน บ้างอ่านหนังสือ บ้างหยอกล้อกินขนมกัน...
“เอ เย็นนี้แนนไปทำวิทยานิพนธ์กับเพื่อนนะ” แนนพูดพลางเก็บหนังสือ
“ไปทำวิทยานิพนธ์กับใคร” เอเงยหน้าขึ้นมองแนนทันที
“ไปกับกิ๊ฟกับฝนหนะ นะๆๆๆ” แนนพูดพลางเดินไปนั่งข้างๆเอ เขย่าแขนเหมือนเด็กอ้อนวอนผู้ใหญ่
“ให้เอไปส่งมั้ย เอว่างนะ” เอพูดพลางยิ้ม ลูบผมแนนเบาๆ
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฝนเอารถมา” แนนพูดพลางซบหน้าลงบนบ่าของเอ
“นี่ แล้วกินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาล่ะ เข้าใจมั้ย กลับถึงบ้านก็อย่าลืมโทรมาบอกด้วย” เอพูดพลางจ้องหน้าแนนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ค่ะ หัวหน้า สั่งจริงๆเลย” แนนพูดพลางยิ้ม เอามือหยิกจมูกเอด้วยความเขิน
“กิ๊ฟๆ แฟนแกเป็นงัยบ้าง” ฝนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ ขณะที่ตนอยู่หลังพวงมาลัย
“ปวดหัวสุดๆ เจ้าชู้เป็นบ้าเลย” กิ๊ฟพูดปัดๆคล้ายกับไม่ค่อยพอใจในแฟนตัวเองนัก
“ทำไมไม่เลิกๆไปสิ จะได้ไม่กลุ้ม” ฝนเสนอความเห็น มองหน้ากิ๊ฟผ่านกระจกมองหลัง
“หน่า....ให้โอกาสสักครั้ง” กิ๊ฟพูดพลางซบหน้าลงที่กระจกหันหน้ามองออกนอกรถด้วยอาการเอือมระอา
“โอกาสสักครั้ง รอบที่ล้าน” เสียงหัวเราะดังขึ้นเกือบพร้อมกันทั้งรถ
“แล้วแนนล่ะ แหม...เจ้าชายเธอเอาใจเธอดีนะ” ฝนพูดขึ้นพลางหันไปมองแนนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
“โอ๊ย รายนั้นไม่รู้กี่ปีแล้ว ยังจับไม่ได้สักทีว่ามีกิ๊กเก็บไว้ที่ไหน” แนนพูดยิ้มพลางหันไปมองหน้าฝน
“แปลได้สองอย่าง...ถ้าแฟนเธอไม่รักเธอคนเดียว เค้าก็เก่งมากที่หลอกเธอมานานหลายปี” เสียงหัวเราะดังขึ้นแทบจะพร้อมกันทั่วรถ
“เอี๊ยยดดด.....” เสียงเบรกลากล้อดังยาวจากด้านข้างตัวรถ คนทั้งรถหันไปมองแทบจะพร้อมกัน รถบรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนรถเก๋งของฝนอย่างจัง แรงอัดทำให้กระจกทุกบานแตกละเอียด ห้องโดยสารด้านหน้าฝั่งคนนั่งยุบเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด....ร่างไร้สติของแนนยัง คงสงบนิ่งติดอยู่ในรถเก๋งขนาดสองตอน มัจจุราชอาจฉุดวิญญาณเธอออกจากร่างได้ทุกเมื่อ
“แนนๆ” เสียงกระซิบเบาๆดังข้างหู ทำให้แนนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมา
“อยู่ไหน....โอ๊ย เจ็บ” แนนค่อยๆอ้าปากพูด แต่ไม่ชัดนัก เฝือกขาวถูกแต่งแต้มถามร่างกายของแนนคล้ายกับเป็นเครื่องประดับ
“ใจเย็นๆ แนน เธอสลบไปสองเดือน” .....สองเดือน สองเดือน แนนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง. ...ฝนค่อยๆอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แนนฟัง.....
“แล้ว สรุปว่าฉันเจ็บคนเดียวใช่มั้ย” แนนพยายามพูด เสียงพูดของแนนแทบจะไม่ได้ยิน
“อืม...” ฝนพยักหน้าเบาๆ กำมือแนนไว้นิ่งๆ
“เอ ล่ะ เออยู่ไหน” แนนเพิ่งนึกขึ้นได้ แฟนเธออยู่ไหน
“เอมาหาเธอครั้งเดียว วันแรกที่ชน แล้วหายไปเลย” ฝนพูดพลางลูบหัวแนนเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะ ไม่มีเอ เราก็อยู่กันได้ จริงมั้ยเพื่อน” ฝนพยายามพูดปลอบใจแนน
“อืม...” น้ำตาค่อยๆกลั่นตัวหยดลงมาจากนัยน์ตาของแนน คำพูดของฝนตอนคุยกันในรถคงจะเป็นความจริง....เขาเก่งมากจริงๆ เก่งมากที่หลอกแนนมาหลายปี เก่งมากที่หลอกว่ามีแนนคนเดียว.....ทำไมผู้ชายทั้งโลกถึงนิสัยเหมือนกันหมด เลย เสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกัน เสียดายความรักที่มอบให้.....เสียดาย เสียดาย เสียดาย
“คุณแนน ค่อยๆก้าวนะครับ ช้าๆ” บุรุษพยาบาลพยายามพยุงแนนขึ้นเดิน แนนยังคงไม่หายเจ็บดี ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก
“ระวังล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ” บุรุษพยาบาลเดินช้าๆเพื่อให้แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่ ใช่เอนะ....ทำไม ทำไม ทำไม
“คุณบุรุษพยาบาลค่ะ นี่ฉันสลบไปนานถึงขั้นต้องกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ” แนนถามด้วยความสงสัย
“โห คุณไม่ได้เดินสามเดือนนี่ มันนานนะครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยความสุภาพ
“จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าจะถามชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล เกรงว่ามันจะยาวไป” แนนพูดพลางยิ้ม
“ผมชื่อ กอล์ฟ ครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆ
นับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟเริ่มสนิทกัน ทุกเย็นกอล์ฟจะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด ไม่นานแนนก็สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด....
“คุณแนนค่ะ น้ำดื่มค่ะ” พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างๆเธอ ขณะเธอนั่งรอกอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ด้วยไมตรี
“กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกัน” แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออกมา มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็กน้อย
“ไปสิครับ” กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทางโรงพยาบาล ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก แนนและกอล์ฟสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ....จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟมาแทนที่เอ
บ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ เอก็ไม่โทรมา
บ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ เอก็ไม่ติดต่อมา
บ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่ปรากฎตัว
เอ....เอ....เอ เอหายไปไหน
ไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะให้แนน
ไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนน
มันคงหายไปแล้ว....หายไปพร้อมกับเอ
หายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายเจ้าชู้
ทำไมผู้ชายเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไม
ใกล้วาเลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ ไม่มีเอคอยให้ดอกกุหลาบแดง ไม่มีอีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้ดู
“แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ” เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์
“ว่างค่ะ ทำไมค่ะ” แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“พอดีผมมีของจะให้แนนนะครับ เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ” กอล์ฟเสนอความเห็น
“ตกลงค่ะ” แนนพูดพลางกดวางสาย สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง....หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้เสียที
วันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลก แม้ในลานที่สยามหรือที่วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆว่า “เซนเตอร์พอยต์” ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดง...นักเรียน นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่วลาน
“ขอโทษค่ะ มาสาย” แนนพูดพลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
“ไม่เป็นอะไรครับ” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม
“อืม...ว่าแต่มีอะไรจะให้แนนเหรอ” แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ แนนจะจับได้ทันที
“อันนี้ของแนนนะครับ” ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออกมาจากถุงอย่างช้าๆ วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล
“หมายความว่ายังไงค่ะ จะขอหัวใจแนนเหรอ” แนนพูดติดตลกพลางยิ้ม เธอคิดว่าเธออ่านเกมส์ออกหมด
“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอก” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำให้แนนงง
“อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่...” ไม่ทันแนนจะพูดจบ กอล์ฟต่อคำพูดของเขาทันที
“ผมไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอกครับ เพราะหัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน” ปั้ง...เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตทุบลงกลางศีรษะ แนนเริ่มงงกับความหมายขึ้นไปทุกที...มันแปลว่าอะไร???
“หัวใจของคุณ คือเจ้าของกุหลาบดอกนี้” กอล์ฟพูดต่อ....แนนทำหน้างงๆไม่เข้าใจความหมายแม้แต่นิดเดียว
“ตอนคุณประสบอุบัติเหตุเข้ามาที่โรงพยาบาล คุณเสียเลือดมาก...หัวใจคุณเต้นอ่อนจนแทบจะล้มเหลว พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึงที่สุด” กอล์ฟเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่แนนไม่เคยรู้
“มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วยคุณให้ได้ เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้น ไม่ว่าทางเราจะขออะไร เขาจะจัดหาให้หมด.....คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจมาก” กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่...แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟหมายถึงเอ
“ผมยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับชีวิตคุณ” กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างงอยู่
“เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้คุณ เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล แต่กลับไม่พบว่ามีเลือดถุงไหนที่ตรงกับเลือดคุณ” กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตามองไร้จุดหมาย
“สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดี เขาบอกให้ทางเราเอาไป เอาไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ” กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้นน้ำตา....แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ใสๆ
“ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ.....ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ” กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำ
“เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร.....” ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการอะไร
“เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้มเหลว เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ” หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที
“ตกลง ผมหาให้ – เขาตอบสั้นๆโดยไม่ลังเลเลย” ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจให้แนน ทั้งๆที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อจะทำให้เธอ
“คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและหมออึ้งกันไปหมด โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้ เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาหัวใจให้คุณได้” กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาแนน....ตอนนี้กอล์ฟเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว
“เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ได้โอนเงินมาซื้อหัวใจเทียมให้ คุณ แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการกุศลให้โรงพยาบาล มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม “นานา” คุณดูดีๆ คำว่า แนน และ เอ ถ้าเขียนติดกัน มันคือ “นานา” นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเขา – เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขารัก...เพราะไม่มี หัวใจเทียมสำรอง” เปี๊ยง....แนนโดนสะกิดต่อมความจำเข้าเต็มเปา...เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้นหรา ที่โรงพยาบาล แต่เธอไม่เคยเฉลียวใจสักนิด...มิน่า ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธอดีเสียจนน่าแปลกใจ ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนได้เสียกับโรงพยาบาลแม้แต่บาทเดียว
“ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล เขาก็ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลครับ ทิ้งโน้ตไว้ว่า มอบหัวใจให้เธอ - เขามอบหัวใจของเขาให้คุณ” ทันทีที่กอล์ฟพูดจบ แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ โต๊ะรอบข้างหันมามองแนนเป็นตาเดียว....เอคือเจ้าของหัวใจ หัวใจที่อยู่ในร่างของแนน
“เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ” กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้กับแนน มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย.....
“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขาเป็นของคุณ” ใช่ หัวใจเอเป็นของแนน เป็นของแนนจริงๆ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไปเรียบร้อยแล้ว ตายไปพร้อมกับเอ ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทุกอย่างเพื่อเธอ
“กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลนไทน์ที่จะถึง รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก ขอแค่ดอกเดียวก็พอ...เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา” กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา นั่งนิ่งๆสักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป....ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง
“เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” คำพูดซ้ำๆดังมาจากเครื่องเล่นเทป เป็นคำพูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำโดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120 นาทีโดยมีเพลงประกอบเบาๆ แนนค่อยๆคลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียงบรรทัดเดียว
“หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนคนเดียว”
|
|
|
|
poom40234
Asura Tester
Sr. Member
กระทู้: 1,995
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #325 เมื่อ: 13-06-2008, 22:23:17 » |
|
เยี่ยม บอร์ด ของพูมมั้งนะ อิอิ http://forum.gameindy.com/index.php/topic,18881.msg183650.html#msg183650
|
|
|
|
Uchiha_Madara
Newbie
กระทู้: 32
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #326 เมื่อ: 14-06-2008, 01:35:50 » |
|
|
~Uchiha_Madara~
|
|
|
บุญโค่ย เพชรบุรี
Jr. Member
กระทู้: 110
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #327 เมื่อ: 15-06-2008, 22:42:25 » |
|
มาขุดนะ
คืนี้ ฝันหวาน แบบ ชื่อกิลที่เก่งๆนะ อิอิ
ปล. ขุดได้อันสุดท้ายและ เด๋วโดนแบน 55
|
|
|
|
poom40234
Asura Tester
Sr. Member
กระทู้: 1,995
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #328 เมื่อ: 15-06-2008, 22:54:47 » |
|
ขุดฯ
|
|
|
|
JF
Jr. Member
กระทู้: 404
Robert Thomas-Pattinson
|
|
Re: ^_^ สมาคม *~ฝันหวาน~* หวานจิงๆนะ ^_^
« ตอบ #329 เมื่อ: 16-06-2008, 15:41:01 » |
|
|
"หากสรรพสิ่งสิ้นสูญ และเขายังอยู่ ฉันควรจะดำเนินชีวิตสืบไป แต่ถ้าสิ่งอื่นยังคงเหลือ และเขาเลือนลับดับหาย จักรวาลจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า"
. ..ข้าไม่อาจดำเนินต่อไปหากไร้ชีวิต ไม่อาจมีชีวิตสืบไปหากไร้วิญญาณ...
|
|
|
|